ออมเงินอย่างไรให้อนาคตปลอดภัย | BI Opinion

วันก่อนขณะออกไปวิ่งออกกำลังกายเลยเปิดพอดแคสต์ของบลูมเบิร์กฟังตอนหนึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับผลสำรวจด้านความพร้อมทางการเงินหลังเกษียณของชาวอเมริกันที่จัดทำโดย Wells Fargo  เขาบอกว่าในกลุ่มที่สำรวจมา คนในวัย Gen X (คือคนที่มีอายุประมาณ 40-55 ปี) โดยเฉลี่ยมีเงินเก็บ 66,000 เหรียญสหรัฐฯ แต่เมื่อถามว่าคิดว่าต้องมีเงินเท่าไรจึงคิดว่าจะเกษียณได้อย่างไม่เดือดร้อนผู้คนกลับบอกว่าต้องการมีเงินสัก 750,000 เหรียญสหรัฐฯ แสดงว่าเงินเก็บที่มียังห่างกับเงินที่ต้องการประมาณ 11 เท่าเลย!  พอฟังแล้วเลยมานึกถึงแล้วคนไทยอย่างเราๆ กันนี่จะเกษียณกันไปได้อย่างสบายใจกันไหม

ทั้งนี้ก็เพราะเรามักได้ยินคำถามจากกันอยู่เสมอว่าจะต้องมีเงินเก็บเท่าไรเพื่อให้เพียงพอใช้หลังเกษียณ จะต้องเริ่มเก็บเงินกันเดือนละเท่าไรปีละเท่าไร และจะต้องมีการจัดการเงินเก็บอย่างไรให้งอกเงยและมีความมั่นคง เพื่อให้เรามีเงินใช้ในอนาคต นอกจากนี้คนส่วนใหญ่มักจะไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องการออมเงินนัก อาจเป็นเพราะด้วยความจำเป็นด้านการใช้จ่ายในแต่ละวันแต่ละเดือนที่เรามักจะชักหน้าไม่ถึงหลัง หรือไม่ก็ยังมีข้าวของที่ยังอยากได้เต็มไปหมด หรือมีแผนการใช้เงินไปเที่ยวใช้ชีวิตเต็มไปหมด เรื่องออมเลยถูกเอาไว้ทีหลัง…เรื่องลงทุนเลยถูกพักเอาไว้ก่อน เพราะยังไม่มีทั้งเงินเก็บและไม่มีเวลาหาความรู้ เลยทำให้ห่วงๆ กันว่าอนาคตทางการเงินของเราจะมั่นคงและปลอดภัยได้อย่างไรกัน

ภาพจาก shutterstock

ซึ่งหากเรายังมีคำถามหรือไม่พูดถึงเรื่องนี้กันอยู่มากแสดงว่า เราอาจไม่ได้มีความพร้อมกันในตอนนี้ และหากคิดจะฝากความหวังกับระบบรัฐสวัสดิการที่ไม่ได้แข็งแกร่งและประเทศก็ก้าวสู่สังคมสูงอายุที่ประชากรส่วนใหญ่จะมีอายุมากขึ้นเป็นสัดส่วนที่มากกว่าประชากรวัยหนุ่มสาว ซึ่งจะทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจอาจไม่ได้น่าตื่นเต้นในระยะยาว และเงินภาษีจากคนรุ่นใหม่ที่จะนำมาเป็นงบรัฐสวัสดิการเพื่อใช้ดูแลคนรุ่นสูงอายุกว่าก็อาจมีจำกัด ดังนั้นหากหวังให้อนาคตอยู่รอดได้อย่างปลอดภัยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคนในเจเนอเรชันไหน เราก็ต้องรู้จักวางแผนและเก็บเงินดูแลตัวเองกันให้เพียงพอกันได้แล้วครับ

สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่ทำงานบริษัทและมีการออมภาคบังคับ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่บังคับให้เราออมโดยนายจ้างหักเงินเดือนไปเลย แถมสมทบให้อีกเท่านึงเสียด้วยซ้ำ และเดี๋ยวนี้กองทุนสำรองฯ ก็มีทางเลือกมากมายที่ให้เจ้าของเงินสามารถมีส่วนในการจัดสรรเงินออมของตนเองในสินทรัพย์ชนิดต่างๆ ได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้คนกลุ่มนี้เริ่มรู้จักการออมและการลงทุนมากขึ้น แต่สำหรับท่านที่ทำธุรกิจส่วนตัวหรือทำงานไม่ประจำแบบฟรีแลนซ์แล้ว การวางแผนการเงินและเก็บออมเพื่ออนาคตหลังเกษียณด้วยตนเองจึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะท่านต้องจัดการเรื่องเหล่านี้ด้วยตัวเองทั้งหมด ไม่ได้มีการออมภาคบังคับ เพื่อให้มีเงินเก็บเพียงพอจนสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับอนาคตตนเองได้

ภาพจาก Shutterstock

ดังนั้นกระบวนการที่สำคัญที่สุดของการ “ออมเงินอย่างไรให้อนาคตปลอดภัย” ต้องเริ่มจากการต้องมีทัศนคติที่ถูกต้องว่าการออมเป็นเรื่องที่จำเป็นและสำคัญสำหรับอนาคตของเรา ต้องรู้จักวางแผนทางการเงินที่เหมาะสม เพื่อให้รู้ให้ได้ว่าเราต้องการมีเงินออมในอนาคตเท่าไรและเหลือพอใช้จ่ายได้อย่างไร และการจะไปสู่เป้าหมายนั้นต้องมีการออมตั้งแต่วันนี้อย่างไร ลงทุนในอะไรบ้าง เพื่อให้เงินงอกเงย ซึ่งแผนทั้งหมดนี้ต้องมีความเป็นไปได้ ไม่เป็นแบบเพ้อฝันและต้องมีวินัยในการลงมือทำด้วย ซึ่งสำหรับทุกคนแล้วการออมระยะยาวที่ควรต้องทำมากที่สุดรองจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ คือ การออมผ่านกองทุนรวม LTF RMF เพราะเป็นวิธีการออมระยะยาวเบื้องต้นชั้นดีที่ได้รับสิทธิประโยชน์ประหยัดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาด้วย ดังนั้นถ้าฟังดูแล้วทุกคนสามารถเริ่มต้นได้ทันที ด้วยการหาความรู้พื้นฐานด้านการเงินได้แล้วครับ เพราะความรู้ คือ พลังที่แท้จริงในการนำท่านไปสู่ความสำเร็จได้อย่างปลอดภัย และหากไม่รู้จะหาแหล่งความรู้จากที่ไหน ลองเปิดฟังพอดแคสต์ด้านการลงทุนของหลักทรัพย์บัวหลวง ภายใต้ชื่อ “Bualuang Wealthcast” จะได้สะสมความรู้พื้นฐานด้านการเงิน เพื่อให้อนาคตของเราเองปลอดภัยกันได้แล้วครับ

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา