หากนึกถึงร้านสเต๊กในประเทศไทย ซานตาเฟ่ ย่อมเป็นหนึ่งในชื่อที่ถูกพูดถึง เพราะด้วยจำนวนสาขา และกับเมนูที่มีราคาเข้าถึงได้ทุกระดับ ทำให้ ซานตาเฟ่ เป็นหนึ่งในกลุ่มร้านอาหารตะวันตกในประเทศไทยที่แข็งแกร่ง
ปีนี้ ซานตาเฟ่ มีอายุครบ 20 ปี ถ้าเปรียบเป็นคนก็น่าจะอยู่ในช่วงวัยที่ผ่านความสนุกสนาน และสีสันในช่วงวัยรุ่น และเตรียมจริงจังกับหน้าที่การงานในอนาคต
20 ปีที่ผ่านมา ซานตาเฟ่ สู้ศึกธุรกิจร้านอาหารอย่างไร เจอวิกฤติใดบ้าง และจากนี้วางแผนธุรกิจแบบไหน ลองมาฟังจากปาก สมบัติ หงส์ไพฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคที เรสทัวรองท์ จำกัด เจ้าของร้าน ซานตาเฟ่ กัน
ซานตาเฟ่ กับ 20 ปี ที่มีทั้งวิกฤติ และโอกาส
สมบัติ หงส์ไพฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคที เรสทัวรองท์ จำกัด เจ้าของร้าน ซานตาเฟ่ เล่าให้ฟังว่า ซานตาเฟ่ ก่อตั้งเมื่อปี 2546 เพราะในช่วงนั้นมีช่องว่างของตลาดร้านอาหารตะวันตก โดยเฉพาะกลุ่มที่มีเมนูสเต๊กเป็นตัวดึงดูดลูกค้า จึงเริ่มพัฒนาเมนู และรูปแบบร้านที่แตกต่างจากที่มีอยู่ในตลาด จนเป็นที่จดจำของผู้บริโภคเวลานั้น
“เราเริ่มต้นจากการนำชื่อ ซานตาเฟ่ ที่มาจากเมืองหนึ่งในสหรัฐอเมริกา มีเลี้ยงวัวซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักของเมนูสเต๊ก มีประวัติศาสตร์เกี่ยวกับรถไฟ ทั้งหมดนี้เป็นที่มาของการออกแบบร้าน และโลโก้เหมือนกับรถไฟ ซึ่งสาขาแรกเราเปิดที่แฟชั่นไอส์แลนด์ และประสบความสำเร็จจนขยายสาขาไปกว่า 120 แห่งในไทย และต่างประเทศอีก 4 แห่ง”
แม้จะมีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง แต่ ซานตาเฟ่ มีการเผชิญวิกฤติ และโอกาสทางธุรกิจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการประสบภาวะขาดทุน, วัตถุดิบไม่เพียงพอ หรือเมื่อปี 2562 ที่มี ฟู้ด แฟคเตอร์ ธุรกิจร้านอาหารในเครือบุญรอดฯ หรือกลุ่มสิงห์ เข้ามาลงทุน 1,800 ล้านบาท เพื่อถือหุ้นบริษัทในสัดส่วน 88%
เดินหน้าเติบโตในรูปแบบแฟรนไชส์
การทำธุรกิจของ ซานตาเฟ่ ในเวลานี้จะเน้นการขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์ โดยมีการควบคุมคุณภาพของแต่ละเมนู และเพิ่มประสิทธิภาพในการขยายสาขา ซึ่งหลังจากนี้มีแผนจะเดินหน้าโมเดลดังกล่าวเพื่อเปิดสาขาในภูมิภาคอินโดจีนเพิ่มเติม จากเดิมที่มีในกัมพูชา เป็นต้น
“เราถือเป็นแบรนด์สเต๊กคนไทยที่ Go Inter ซึ่งหลังจากนี้เราจะยังเดินแผนดังกล่าวต่อไป ควบคู่ไปกับการขยายสาขาในประเทศไทย เพราะภาพรวมตลาดร้านอาหารที่เคยสูงที่สุดในปี 2019 ราว 4.5 แสนล้านบาท เวลานี้มันเริ่มฟื้นตัว และกำลังจะไต่ขึ้นไปให้ถึงจุดนั้นเหมือนกัน คาดว่าปีนี้น่าจะเติบโต 3-5%”
หากแบ่งภาพรวมตลาดร้านอาหารในปี 2565 จะพบว่า ซานตาเฟ่ จะอยู่ในกลุ่มร้านอาหารตะวันตกที่มีมูลค่าตลาดราว 9,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับตลาดเบอร์เกอร์ และมากกว่าตลาดพิซซ่าที่มีมูลค่า 8,000 ล้านบาท โดยตลาดร้านอาหารตะวันตกยังแข่งขันกันในเรื่องคุณภาพ และความคุ้มค่าเช่นเดิม
ปั้นรายได้แตะ 1,800 ล้านบาท
เมื่อครบรอบ 20 ปี ซานตาเฟ่ เตรียมส่งแคมเปญการตลาดต่าง ๆ เช่น การเปิดตัวเมนูใหม่ตลอดทั้งปี เริ่มต้นในเดือน ก.พ. 2566 ที่ทำสเต๊กซอสช็อกโกแลต รวมถึงการทำแคมเปญ Happiness Trip ที่ขายบัตรเพื่อพาผู้สนใจนั่งรถไฟไปยังจังหวัดต่าง ๆ พร้อมรับประทานอาหาร และสนุกไปกับศิลปินชั้นนำ
“Santa Fe’ Happiness Trip เราร่วมมือกับการรถไฟแห่งประเทศไทย และพาร์ตเนอร์วัตถุดิบต่าง ๆ รวมถึงเชฟชั้นนำระดับประเทศ เพื่อพาลูกค้าที่สนใจไปร่วมฉลองการครบรอบ 20 ปี ของ ซานตาเฟ่ ซึ่งตัวรถไฟนั้นก็มีโลโก้ และการออกแบบหน้าร้านของเราด้วย”
ในปี 2565 ซานตาเฟ่ มียอดขายราว 1,400 ล้านบาท และจากแคมเปญต่าง ๆ รวมถึงการขยายสาขา บริษัทคาดว่าจะเติบโตจนมีรายได้ 1,700-1,800 ล้านบาท และแข่งขันในตลาดอาหารตะวันตกได้สูสี โดย ซานตาเฟ่ เป็นหนึ่งในธุรกิจร้านอาหารของกลุ่มสิงห์ที่มีร้าน Est. 33 และ Farm Design เป็นต้น
อ้างอิง // Food Factors, Santa Fe’
อ่านเพิ่มเติม
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา