โลกอสังหาริมทรัพย์ในตอนนี้ไม่ได้แข่งขันแค่ทำเล, การออกแบบ และการวางราคา แต่เรื่องนวัตกรรมเกี่ยวกับความปลอดภัยก็เป็นอีกปัจจัยในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค และนั่นคือสิ่งที่ “แสนสิริ” จะมุ่งทำตลาดหลังจากนี้
ความปลอดภัยกับการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค
ระบบความปลอดภัยเป็นหนึ่งในตัวแปรต้นๆ ในการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว หรือคอนโดมิเนียม จึงไม่แปลกที่หลากหลายผู้พัฒนาโครงการจะลงทุนกับเรื่องนี้อย่างเต็มที่ แต่ด้วยข้อจำกัดทางเทคโนโลยี ทำให้การลงทุนลักษณะนี้ส่วนใหญ่จะใช้กับเรื่องพนักงาน และแบ่งเป็นแต่ละโครงการไปมากกว่า
ดังนั้นจะดีกว่าหรือไม่ถ้าอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์มีการลงทุนห้อง War Room เพื่อเฝ้าดูเรื่องความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ในทุกโครงการ คล้ายกับกรณีของผู้ให้บริการโทรคมนาคม หรือไฟฟ้า ที่มีการตรวจดูเรื่องนี้ตลอดเวลา และเรื่องนี้ได้เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทยแล้ว โดยมี “แสนสิริ” เป็นผู้นำระบบนี้มาใช้งานจริง
ทวิชา ตระกูลยิ่งยง ประธานผู้บริหารสายงานเทคโนโลยี บมจ.แสนสิริ เล่าให้ฟังว่า ตัว War Room นี้ใช้ชื่อว่า Smart Command Centre ใช้เพื่อตรวจดูความปลอดภัยต่างๆ ของ 4 โครงการนำร่อง ผ่านการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ IoT ต่างๆ ถือเป็นการนำนวัตกรรมใหม่มาพัฒนาใช้จริงเพื่อยกระดับความปลอดภัยให้กับลูกบ้าน
20 ล้านบาท กับการใช้เวลาพัฒนาระบบ 1 ปี
“ทางแสนสิริรวมลงทุนกับพลัส พร็อพเพอร์ตี้ เพื่อจัดตั้ง Smart Command Centre ด้วยเงินทุนกว่า 20 ล้านบาท และเวลาพัฒนา 1 ปี เพื่อยกระดับความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยให้ลูกบ้านที่บริหารจัดการโดยพลัส พร็อพเพอร์ตี้ โดยตัวระบบนั้นแบ่งเป็น 2 อย่างหลักๆ คือ บริหารจัดการความปลอดภัย และบริหารจัดการระบบวิศวกรรมอาคาร”
สำหรับ 4 โครงการนำร่องที่มี Smart Command Centre ช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัยประกอบด้วยโครงการคอนโดมิเนียม XXXIX by Sansiri, The LINE อโศก-รัชดา, The LINE ราชเทวี และบ้านเดี่ยวคณาสิริ พระราม 2-วงแหวน ก่อนที่ปี 2562 จะเชื่อมต่อระบบนี้เข้ากับโครงการอื่นๆ อีก 11 โครงการใหม่
โครงการเก่าต้องรอ และไม่ได้ต้องการลดคน
ในทางกลับกันโครงการที่แล้วเสร็จก่อนระบบ Smart Command Centre นั้นหากต้องการใช้เทคโนโลยีนี้ต้องบริหารจัดการโดยพลัส พร็อพเพอร์ตี้ และลงทุนอย่างน้อย 7 หลักเพื่อติดตั้งระบบ IoT ต่างๆ ก่อน นอกจากนี้การใช้ระบบความปลอดภัยแบบนี้ไม่ได้ต้องการลดพนักงาน และไม่ได้ผลักภาระเรื่องค่าส่วนกลางให้ผู้อยู่อาศัยด้วย
สรุป
ความปลอดภัยเป็นเรื่องที่ทุกคนใส่ใจ และผู้บริหารโครงการก็ต้องทำให้ได้ดีที่สุดเพื่อชีวิต และทรัพย์สินค้าต่างๆ ที่อยู่ในหน้าที่ดูแล ซึ่งการนำเทคโนโลยีมาใช้ก็คงช่วยแก้ปัญหาที่เคยเผชิญอยู่ได้ไม่มากก็น้อย และส่วนตัวเชื่อว่าอนาคตของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์จะต้องมีการลงทุนในลักษณะนี้เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา