BTS – แสนสิริ ผูกปิ่นโตยาวๆ พร้อมปูพรมคอนโด และบ้านแนวราบใกล้รถไฟฟ้า

เมื่อชาวกรุงเทพมีวิถีชีวิตเป็นคนเมืองมากขึ้น ดังนั้นแนวโน้มการพักอาศัยก็ต้องเปลี่ยนแปลง และหากพื้นที่เหล่านั้นอยู่ใกล้รถไฟฟ้าสายต่างๆ ก็จะเป็นที่สนใจมากกว่าที่อื่น ดังนั้นกลุ่ม BTS กับแสนสิริ ที่เป็นพันธมิตรกันมากว่า 2 ปี ก็เตรียมร่วมลงทุนกันยาวๆ เพราะต้องการเป็นผู้นำที่อยู่อาศัยแนวรถไฟฟ้า

 

จากสายสีเขียว สู่ชมพู และเหลือง

ตอนนี้ตัวอักษร BTS กลายเป็นคำจำกัดความของรถไฟฟ้าไปแล้ว เพราะเป็นผู้ให้บริการรายแรก เริ่มต้นจากสายสีเขียว (สายสุขุมวิท และสายสีลม) ดังนั้นไม่ว่าจะมีรถไฟฟ้าสายใหม่เกิดขึ้น ตัวอักษร BTS ก็ยังเป็นคำจำกัดความของรถไฟฟ้าเหมือนเดิม ซึ่งตอนนี้ BTS ได้ชนะประมูลสายสีชมพู (แคราย – มีนบุรี) และสายสีเหลือง (ลาดพร้าว – สำโรง) เรียบร้อย แต่ BTS จะไม่ได้พัฒนาแค่รถไฟฟ้า เนื่องจากเตรียมจับมือกับกลุ่มแสนสิริเพื่อพัฒนาโครงการที่พักอาศัยทั้งแนวดิ่ง และแนวราบที่ใก้ลรถไฟฟ้าทั้งสองสาย เพื่อต่อยอดกลยุทธ์ที่ทำมาก่อนหน้านี้

คีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือ BTS เล่าให้ฟังว่า ด้วยความร่วมมือกันมากว่า 2 ปีในการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยกับกลุ่มแสนสิริ ภายใต้แบรนด์ The Line ก็สร้างการรับรู้ให้กับผู้บริโภคในการใช้ชีวิตในเมือง เพราะทุกโครงการของ The Line จะห่างจากรถไฟฟ้าไม่เกิน 500 เมตร และจุดนี้เองทำให้ 4 โครงการที่เปิดตัวไปเมื่อ 2 ปีก่อน เช่น The Line อโศก – รัชดา และจตุจักร – หมอชิต ก็จำหน่ายได้ทั้งหมดภายในช่วง Presale ดังนั้นกลยุทธ์กว้านซื้อที่ดิน และพัฒนาโครงการที่พักอาศัยใกล้รถไฟฟ้าจึงมีต่อไป

คีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์

เตรียมเงิน 20,000 ล้านกว้านซื้อที่ดิน

“เมื่อรถไฟฟ้าพาดผ่านตรงไหน โอกาสที่ความเจริญก็จะเข้าไปถึง และยิ่งความสะดวกเข้าไป คอนโดมิเนียมก็ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของพวกเขาได้ ทำให้เราเตรียมเงินทุนกว่า 20,000 ล้านบาท เพื่อซื้อที่ดินบริเวณที่รถไฟฟ้าสายสีชมพู และสีเหลืองพาดผ่าน เพื่อร่วมกันพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งคอนโดมีเนียม และบ้านแนวราบ กับกลุ่มแสนสิริ เพราะทางนั้นก็เชี่ยวชาญเรื่องนี้ โดย BTS จะเป็นผู้จัดหาที่ดิน เพื่อคงจุดเด่นเรื่องโครงการใกล้รถไฟฟ้า 500 เมตรไว้เหมือนเดิม และคาดว่าทุกโครงการจะได้ผลตอบรับที่ดีเหมือนกับทุกโครงการที่ผ่านมา”

สำหรับการร่วมมือระหว่าง BTS กับกลุ่มแสนสิรินั้น ปัจจุบันมีทั้งหมด 8 โครงการ ประกอบด้วย The Line จตุจักร-หมอชิต, ราชเทวี, อโศก-รัชดา, สุขุมวิท 101, พหลฯ-ประดิพัทธ์, The Base การ์เดน-พระราม 9 และ Khun by Yoo ทองหล่อ รวมถึงโครงการแรกที่สร้างเสร็จอย่าง The Line สุขุมวิท 71 มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท จำหน่ายหมดแล้ว แต่ยังเหลือรอโอนอีก 20% ราคาเริ่มต้น 3.9 ล้านบาท และคาดว่าสิ้นปีนี้จะโอนได้ครบทั้งหมด แต่ถ้านับมูลค่าทั้ง 8 โครงการจะอยู่ที่ 30,000 ล้านบาท และมียอดขาย 70% ของมูลค่านี้ หรือ 21,000 ล้านบาทแล้ว

บรรยากาศภายใน Lobby ของ The Line สุขุมวิท 71

ต่างชาติกลายเป็นอีกตลาดสำคัญ

เศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แสนสิริ เสริมว่า ตอนนี้ชาวต่างชาติกลายเป็นอีกเป้าหมายที่สำคัญของการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพราะพวกเขาชื่นชอบในการลงทุนที่ประเทศไทย ดังนั้น แสนสิริ เข้าไปรุกตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้เปิดการจองอสังหาริมทรัพย์พร้อมกัน 4 ประเทศ คือไทย, ฮ่องกง, สิงคโปร์ และไต้หวัน จนกลายเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้โครงการต่างๆ จำหน่ายได้หมดอย่างรวดเร็ว เช่นโครงการ The Line สุขุมวิท 71 ก็มีผู้ซื้อเป็นชาวต่างชาติถึง 48% หรือครบโควต้าที่ให้ชาวต่างชาติซื้อได้

ส่วนรายได้ของ แสนสิริ ในปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 20,000 ล้านบาท และถึงปัจุบันก็ทำได้แล้ว 15,000 ล้านบาท มาจากการทยอยโอนคอนโดมีเนียมในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด

สรุป

อย่างที่รู้กันว่า BTS และกลุ่มแสนสิริ เป็นอีกนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมีเนียมที่เก่งในกรุงเทพ และน่าจะพัฒนาได้อีกยาว เพราะมี BTS เป็นแหล่งทุน และรู้ว่ารถไฟฟ้ามีโอกาสพาดผ่านไปบริเวณไหน ดังนั้นการโดดออกมาทำบ้านแนวราบ ก็น่าจะเป็นไปได้ และคิดว่าคงอีกไม่นานจะได้เจอบ้านแนวราบที่อยู่ติดรถไฟฟ้ากันตามชานเมืองบ้างแน่ๆ

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา