อสังหาฯ ไทยอยากเป็นมากกว่าที่อยู่ “แสนสิริ” เร่งสร้างเทคโนโลยี “เอพี ไทยแลนด์” ชูไลฟ์สไตล์

หากพูดถึงอสังหาริมทรัพย์ หลายคนก็ต้องนึกถึงที่พักอาศัย แต่ปัจจุบันผู้ทำธุรกิจนี้จะทำแค่ที่พักอาศัยคงไม่ได้ เพราะมันต้องมีเรื่องอื่นๆ เพื่อจูงใจผู้บริโภค และนั่นคือสิ่งที่ “แสนสิริ” และ “เอพี ไทยแลนด์” พยายามที่จะเป็น

เทคโนโลยีคืออีกจุดจูงใจสำคัญ

ปฏิเสธไม่ได้ว่าโลกตอนนี้หมุนด้วยเทคโนโลยี และทางธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็มองข้ามเรื่องนี้ไม่ได้ ทำให้ “แสนสิริ” เดินหน้าเรื่องนี้เต็มที่ด้วยการติดตั้งนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกี่ยวกับที่อยู่อาศัยไว้ในโครงการต่างๆ เพื่อรองรับความต้องการผู้บริโภคในอนาคต นอกจากนี้ยังลงทุนตั้ง SIRI Ventures เพื่อลงทุนในนวัตกรรมต่างๆ เมื่อปี 2561

จิรพัฒน์ จันทร์เจิดศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยี SIRI Ventures ของกลุ่มแสนสิริ เล่าให้ฟังว่า ตอนนี้ SIRI Ventures เข้าสู่ปีที่สองแล้ว โดยปีนี้จะลงทุนทั้งหมด 600 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนใน ConstTech 20%, PropTech 20%, Living&Wellbeing 30% และ SustainTech 30%

“เมื่อปี 2561 เราลงทุนไป 300 ล้านบาท และแต่ละธุรกิจก็เติบโตเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น Farmshelf ธุรกิจ Startup ที่เกี่ยวกับการปลูกต้นไม้, Neuron ธุรกิจ Startup เกี่ยวกับสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า และ Semtive ตัวกังหันลมอัจฉริยะเป็นต้น เพราะ SIRI Venture เชื่อว่าตัวเทคโนโลยีต่างๆ จะช่วยดึงดูดผู้สนใจโครงการของเราได้”

สร้างพื้นที่กลางช่วยทดสอบเทคโนโลยีใหม่

นอกจากนี้ SIRI Ventures ยังพัฒนา Private PropTech Sandbox หรือพื้นที่กลางในการทดสอบเทคโนโลยีใหม่ๆ กับลูกบ้านของแสนสิริ ก่อนต่อยอดไปใช้งานจริงในอนาคต ซึ่งตอนนี้ก็มีทั้ง SoundEye อุปกรณ์ตรวจจับเสียง และการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ เพื่อรายงานมาที่ส่วนกลาง

รวมถึง Fling บริการส่งพัสดุด้วยโดรน และ Airovr รถยนต์ไร้คนขับที่เน้นรับส่งลูกบ้านไปกลับยังขนส่งมวลชน กำลังจะทดสอบให้บริการกับลูกบ้านของแสนสิริ นอกจากนี้ทาง SIRI Ventures ก็มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่นระบบจ่ายบิล, เช็คบริการต่างๆ ภายในโครงการ และอื่นๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ในปี 2563 ทาง SIRI Ventures ยังมีแผนลงทุนนวัตกรรมต่างๆ อีก 600 ล้านบาท เพื่อนำมาอำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้าน ที่สำคัญตัวนวัตกรรมต่างๆ ที่ลงทุนไปก็จะเติบโตจนสามารถทำตลาดได้จริง และสร้างรายได้ให้กับ SIRI Ventures เช่นเดียวกัน

ตอบโจทย์ Lifestyle ของคนเมืองให้ได้มากที่สุด

ในทางกลับกัน “เอพี ไทยแลนด์” ก็พยายามเป็นมากกว่าแค่ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการส่งกลยุทธ์ใหม่ GROW, JOY และ FLOW โดย GROW หมายถึงการพัฒนามาสเตอร์แพลนที่ตอบโจทย์ความยั่งยืน เช่นการทำพื้นที่สีเขียวให้มีมากขึ้น โดยเฉพาะในโครงการคอนโดมิเนียมต่างๆ

ส่วน JOY สื่อถึงการตอบโจทย์ทุกรูปแบบการอยู่อาศัย ผ่านการออกแบบที่ถูกหลัก รวมถึงนวัตกรรมใหม่ๆ เช่นบริการ KATSAN ผู้คุ้มกันส่วนตัวอัจฉริยะ และ HOMEWISER ผู้เชี่ยวชาญประจำบ้านที่ช่วยเรื่องบำรุงรักษา รวมถึง FLOW ที่พยายามสร้างสิ่งแวดล้อมของที่อยู่อาศัยที่ดี เต็มไปด้วยความแบ่งปันล้อไปกับ Sharing Economy

นอกจากสองรายนี้แล้ว ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายอื่นก็พยายามสร้างภาพตัวเองให้เป็นมากกว่าแค่คนทำที่อยู่อาศัย เช่น “อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์” ที่ต้องการเป็น Urban Solution เป็นต้น เนื่องจากการจะขายแค่บ้าน หรือคอนโดมิเนียมเพื่ออยู่อาศัยเพียงอย่างเดียว ก็ไม่ดึงดูดผู้ซื้อแล้ว

สรุป

การปรับตัวของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในตอนนี้ค่อนข้างเป็นไปอย่างรวดเร็ว เพราะตัวโครงการที่ขึ้นใหม่จำนวนมากทำให้ต้องหาสิ่งอื่นๆ มาดึงดูดใจ แต่ถึงจะหาเรื่องอื่นมาแล้ว ก็อย่าลืมจุดสำคัญคือการสร้างบ้าน หรือคอนโดมิเนียมให้ดี เพราะถ้าสุดท้ายแล้วบ้าน หรือคอนโดฯ ใช้วัสดุแย่ไม่คงทน มันก็ไม่สามารถดึงดูดลูกค้าได้

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา