แสนสิริ (SANSIRI) ผู้นำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยแบบครบวงจรสู่ระดับโลก ที่นอกจากจะตั้งมั่นในเจตนารมณ์การดำเนินธุรกิจในฐานะผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยและเติมเต็มคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของลูกบ้านให้ดีขึ้นแล้ว แสนสิริยังได้มุ่งสานต่อเจตนารมณ์ด้านความรับผิดชอบเพื่อสังคมหรือ Corporate Social Responsibility (CSR) เช่นกัน ซึ่งแสนสิริเรียกว่า “Sansiri Social Change” โดยมุ่งเน้นการช่วยเหลือส่งเสริมพัฒนาเด็กและเยาวชนอย่างยั่งยืนในด้านกีฬา การศึกษา และสุขภาพ หนึ่งในนั้นคือการจัดตั้งโครงการ “Sansiri Academy” (แสนสิริอะคาเดมี่) ที่มีเป้าหมายหลักเพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้ทักษะพื้นฐานทางด้านฟุตบอลอย่างถูกต้องและไม่เสียค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ แสนสิริต่อยอดโครงการมาเป็นระยะเวลายาวนานต่อเนื่องกว่า 12 ปี โดยมีเยาวชนไทยเข้าร่วมโครงการกว่า 7,000 คน
คุณเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “สำหรับกิจกรรมเพื่อสังคมของแสนสิริเกิดขึ้นภายใต้แนวคิด Sansiri Social Change ที่มุ่งมั่นให้การสนับสนุนการดูแลเด็กใน 3 ด้าน ได้แก่ สุขภาพ การศึกษา และกีฬา ซึ่งการจัดตั้งโครงการแสนสิริอะคาเดมี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ครอบคลุมทั้ง 3 ด้าน เพราะนอกจากจะมีสุขภาพดีจากการพัฒนาทักษะการเล่นกีฬาแล้ว ยังสามารถต่อยอดสู่ด้านการศึกษาได้อีกด้วย อาทิ การได้รับโควต้าเข้าศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาที่มีคุณภาพหรือต่อยอดสู่ระดับสโมสรและระดับชาติ นอกจากนี้เรายังได้เพิ่มโปรแกรม Sansiri Academy Pro (แสนสิริอะคาเดมี่โปร) ที่มีโปรแกรมฝึกซ้อมที่เข้มข้นขึ้น รวมถึงส่งเยาวชนเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนรายการต่างๆ และยังมีกิจกรรมพิเศษให้เด็กได้ใกล้ชิดกับนักฟุตบอลทีมชาติไทยอีกด้วย ซึ่งที่ผ่านมาแสนสิริสามารถสานฝันนักฟุตบอลเยาวชนสู่เป้าหมายได้กว่า 100 คน ทั้งการต่อยอดด้านการศึกษาหรือการเป็นนักฟุตบอลเยาวชนระดับอาชีพ แน่นอนว่าทุกคนคือความภูมิใจของเรา และคาดหวังว่าโครงการแสนสิริอะคาเดมี่จะสามารถผลิตนักฟุตบอลระดับเยาวชนที่มีคุณภาพจนสามารถต่อยอดอนาคตในด้านต่างๆอย่างต่อเนื่อง จนเป็นกำลังสาคัญของชาติ และจะเป็นที่น่าภาคภูมิใจเฉกเช่นเดียวกับ เจ – ชนาธิป และเยาวชนอีกหลายคนที่ก้าวเข้าสู่นักฟุตบอลระดับอาชีพไปแล้วแน่นอนครับ”
ปัจจุบันโครงการนี้สามารถสานฝันนักฟุตบอลเยาวชนสู่เป้าหมายได้มากกว่า 100 คน และสามารถก้าวสู่นักฟุตบอลอาชีพกว่า 15 คนทั้งในระดับทีมชาติและสโมสรระดับประเทศ ด้วยเหตุนี้แสนสิริจึงนำเสนอคอนเทนต์วิดีโอที่ร้อยเรียงเรื่องราวและบอกเล่าความประทับใจในวัยเด็กของนักเตะหนุ่มฝีเท้าดี เจ–ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่มีโอกาสได้เข้าร่วมในโครงการ แสนสิริอะคาเดมี่ด้วย และมุ่งหวังให้คอนเทนต์วีดีโอนี้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย คือ น้องๆเยาวชนและผู้ปกครองที่สนใจในกีฬาฟุตบอล เพื่อเป็นอีกหนึ่งกำลังใจสำคัญผลักดันให้น้องๆ ก้าวตามฝันได้ต่อไป
เจ–ชนาธิป สรงกระสินธ์ นักฟุตบอลทีมชาติไทยคนแรกที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพแห่งประเทศญี่ปุ่น (J-league) กล่าวว่า “หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าแสนสิริมีโครงการแสนสิริอะคาเดมี่ซึ่งเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนที่มีความสนใจและมีใจรักในกีฬาฟุตบอลได้มีโอกาสเรียนรู้ทักษะการเล่นฟุตบอลจากโค้ชมืออาชีพซึ่งไม่มีค่าใช้จ่าย ผมว่าเป็นอะไรที่แสนสิริเค้าตั้งใจทำมากและน่าสนับสนุนครับ โดยส่วนตัวผมเองก็เริ่มต้นทักษะการเล่นฟุตบอลจากโครงการฯนี้เช่นกัน จึงอยากเชิญชวนผู้ปกครองส่งน้องๆมาเข้าร่วมโครงการดีๆแบบนี้ เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้ได้มากที่สุด แล้วหมั่นฝึกซ้อมอย่างมีวินัยเพื่อไปถึงจุดที่ฝันให้ได้ ผมเชื่อว่าหากน้องๆมีความพยายามและอดทน ความสำเร็จจะมาถึงเราได้ไม่ยากครับ”
ปัจจุบันโครงการแสนสิริอะคาเดมี่ได้ขยายโอกาสในการเรียนการสอนถึง 7 สนาม โดยเปิดให้ฝึกซ้อมทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.00-10.00น. ทั้งในกรุงเทพมหานครและภูเก็ต ได้แก่ สนามฟุตบอล The Pac พุทธมณฑลสาย 4, สนามฟุตบอลบอย ท่าพระจันทร์ อักษะ, สนามฟุตบอลอินเตอร์พรีเมียร์ ประชาชื่น, สนามฟุตบอล Star Kick อ่อนนุช, สนามฟุตบอลปัญญาซอคเกอร์ปาร์ค, สนามฟุตบอลโรงเรียนสาธิตพัฒนารามอินทรา และสนามหน้าที่ว่าการอำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต โดยเปิดรับเด็ก และเยาวชนทุกคนที่สนใจตั้งแต่อายุ 6 ปี ขึ้นไป
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา