กลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช ถือเป็นแบรนด์โรงพยาบาลชั้นนำของประเทศไทย และอยู่ในเครือกรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) ที่เป็นกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย
ช่วงหลัง โรงพยาบาลสมิติเวชมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ คือ หันไปจับกลุ่มลูกค้าเฉพาะทางมากขึ้น ได้แก่ เปิดโรงพยาบาลสำหรับคนญี่ปุ่น คนจีน และโรงพยาบาลเด็ก
เบื้องหลังของยุทธศาสตร์นี้คืออะไร Brand Inside มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ นพ.ชัยรัตน์ ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เครือโรงพยาบาลสมิติเวช และ BNH พร้อมกับ นพ.อดินันท์ กิตติรัตนไพบูลย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ ถึงทิศทางของการปรับตัวและการบริหารงานโรงพยาบาลเอกชนในปัจจุบัน ในงานเปิดตัว Samitivej Mobile Health ที่จัดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2561
![](https://brandinside.asia/wp-content/uploads/2018/11/reWj3He.jpg)
โรงพยาบาลเด็ก อะไรยากๆ ที่นี่ทำได้
ถาม: ในช่วงที่ผ่านมาสมิติเวชเปิดสาขาเยอะมาก อย่าง สมิติเวชไชน่าทาวน์ (เยาวราช) มีชลบุรี มีญี่ปุ่น อะไรทำให้สมิติเวชเริ่มหันจับตลาดโรงพยาบาลเฉพาะทาง อย่างเช่น โรงพยาบาลเด็ก (Children’s Hospital) แล้วแบรนด์เหล่านี้เป็นจิ๊กซอว์ที่เชื่อมต่อกับกลุ่ม BDMS ทั้งหมดอย่างไร?
นพ.ชัยรัตน์: พูดง่ายๆ สำหรับโรงพยาบาลเด็ก ที่เลือกมาทำเพราะมันเป็นจุดแข็งของเรา ที่สอดคล้องกับโอกาสและปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น
ปีหนึ่งๆ มีเด็กที่เสียชีวิตจากการผ่าตัดโรคหัวใจ เสียชีวิตจากการเป็นมะเร็งเยอะมาก บังเอิญว่าเราได้ปรมาจารย์ทั้งหลายจากศิริราช และหลายๆ แห่ง รวมถึงคนของเราเอง ซึ่งมีแพทย์ทั้งจากสมิติเวชสุขุมวิทและศรีนครินทร์ รวมกันร้อยกว่าคน มีคนระดับศาสตราจารย์เต็มไปหมด ถือเป็นจุดแข็งของเรา ซึ่งตรงกับวิกฤตเด็กที่เกิดขึ้นในประเทศ ตรงกับโอกาสที่เกิดขึ้น เลยนำมาผนวกรวมกัน
ในเอเชียถ้าเราไม่นับโรงเรียนแพทย์ โรงพยาบาลเด็กสมิติเวชถือว่าเราเป็นผู้นำ อะไรที่ยากๆ ที่ใครทำไม่ได้ ที่นี่ทำได้
![](https://brandinside.asia/wp-content/uploads/2018/11/samitivej-children.jpg)
ถาม: ในระดับนานาชาติ เรามีความร่วมมือกับที่ไหนบ้างครับ?
นพ. อดินันท์: เราดูที่ความสนใจในแง่ของความชำนาญที่เรามีก่อน แล้วเราจะไปร่วมมือกับศูนย์ด้านนั้น อย่างเช่น ภาพรวมใหญ่ๆ ของเครือ BDMS ก็มี Oregon Health & Science ที่มี Doernbecher Children’s Hospital อยู่ ซึ่งมีชื่อเสียง ก็ตรงความสนใจพอดี เลยได้ร่วมมือกัน
นอกจากที่นั่นแล้ว เราก็ยังมีกับทาง Takatsuki General Hospital ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีความชำนาญในการดูแลเด็กอยู่ ในความร่วมมือเหล่านี้ ก็ทำให้เราสามารถเข้าถึงบางตลาดได้ด้วยในตัว
สมิติเวชไชน่าทาวน์ จับตลาดจีน
ถาม: พอมาดูที่คนไข้ อย่างที่ศรีนครินทร์เน้นกลุ่มลูกค้าตะวันออกกลาง ส่วนสุขุมวิทก็ชัดเจนว่าเป็นญี่ปุ่นเลย แล้วไชน่าทาวน์ อะไรคือเหตุผลที่เราต้องไปเปิดตรงนั้น?
นพ.ชัยรัตน์: ถ้าตอบตรงๆ คือเป็นนโยบายของเครือ BDMS แต่อีกด้านคือเรื่องของโอกาสทางธุรกิจ
คุณคิดว่าโอกาสของประเทศจีนมีเยอะขึ้นไหมล่ะ? ในทุกประเทศมีชุมชนคนจีนอยู่ ถ้าเราสามารถไปอยู่กับเขาและเป็นส่วนหนึ่งของคนจีนได้ ไม่ว่าจะเป็นจีนเก่า-จีนใหม่ ถ้าเราสามารถไปสร้างประโยชน์ให้กับเขา เหมือนเป็นลูกหลานเขา แล้วก็ตอบสนองเขา ขอให้เราเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนไชน่าทาวน์ นี่คือแนวคิดของเรา เดี๋ยวคนจีนก็มาเอง นักท่องเที่ยวจีนก็จะมาหาเราด้วย
แต่การเจริญเติบโตนี้ต้องเป็นเพราะชุมชนเขายอมรับเราด้วย ถ้าเมื่อไรที่ชุมชนไม่ยอมรับ คุณไม่มีทางเจริญได้
ปกติคนในชุมชนจะมีคนไข้ขาประจำในแต่ละโรงพยาบาลแล้ว เรื่องแรกที่เราทำสำหรับสมิติเวช ไชน่าทาวน์ จึงเป็นแผนกฉุกเฉิน เพราะเรามีคนไข้บางส่วนจากย่านเยาวราชมาที่สาขาสุขุมวิทด้วย แต่การมาที่สุขุมวิทโดยเฉพาะป่วยฉุกเฉินเป็นเรื่องยาก เดินทางไกล พอเขาเห็นว่าเป็นสมิติเวช ไชน่าทาวน์ แถมอยู่ใกล้บ้าน ก็ลองใช้ดู พอลองใช้ดูแล้วรู้สึกว่าใช่ ดีมากเลย วันหลังเขาก็มาที่เรา ไว้ใจเรา จากนั้นก็ค่อยๆ ขยายไปเรื่อยๆ ถือว่าเป็นจิ๊กซอว์ตัวหนึ่งที่สำคัญ
ตอนนี้คนไข้จากประเทศจีน ซึ่งเป็นกลุ่มคนรายได้สูง เริ่มออกมาจากต่างประเทศ และเขาเปลี่ยนโรงพยาบาลได้ง่ายมาก สมิติเวชจัดการกับเรื่องแบบนี้อย่างไรบ้าง?
นพ. อดินันท์: สำคัญที่สุดคือเราต้องรู้ว่าเขาต้องการอะไร จีนเป็นตลาดที่กว้าง แต่ก็มีความต้องการที่แตกต่างกันออกไปตามที่เขามองหาอยู่ เรื่องที่เขาเข้ามาบ้านเราเยอะที่สุด คือการทำ IVF (In Vitro Fertilization) สำหรับผู้มีบุตรยาก ถ้าเราสามารถตอบสนองเขาได้ เราก็สามารถทำตลาดเยอะมาก หากินได้ไม่หมดเลย
![Samitivej Chinatown](https://brandinside.asia/wp-content/uploads/2018/11/samitivej-chinatown.jpg)
Japanese Hospital by Samitivej ตึกใหม่รับตลาดญี่ปุ่น
ถาม: สาขาสุขุมวิท ทำไมเราถึงต้องสร้างเป็นแผนกเฉพาะ และกลายเป็นโรงพยาบาลสำหรับคนญี่ปุ่นไปเลย?
นพ.ชัยรัตน์: ประการแรกคือ ตลาดญี่ปุ่นมีความต้องการอย่างมาก อย่างเขตเศรษฐกิจ EEC มีทั้งจีน ญี่ปุ่น เกาหลี เข้ามาเยอะมาก แต่คนญี่ปุ่นที่เข้ามามากที่สุด ประการที่สองคือแบรนด์สมิติเวชเป็นแบรนด์ญี่ปุ่น ถ้าไปโตเกียว โอซาก้า แล้วไปถามคนที่โน่นถึงสมิติเวช ทุกคนรู้จักหมด แต่ต้องเป็นคนญี่ปุ่น
คนญี่ปุ่น เวลาจะไปลงทุนในต่างประเทศ สิ่งสำคัญที่สุดที่เขาต้องดูคือมาแล้วต้องมีกำไร อยู่ได้ อย่างที่สองคือลูกเขาต้องมีโรงเรียนญี่ปุ่นให้เรียน ตัวเขาและครอบครัวต้องมีสถานรักษาที่เขาไว้ใจ
สมิติเวช สุขุมวิท และ ศรีราชา เป็นสองโรงพยาบาลแรกนอกประเทศญี่ปุ่น ที่ได้รับการรับรองคุณภาพเหมือนโรงพยาบาลญี่ปุ่น โดยเราเชิญเขามาตรวจ
![](https://brandinside.asia/wp-content/uploads/2018/11/JHSH.jpg)
จะเห็นว่าเมื่อตลาดมีความต้องการ เราก็ต้องเข้าไปตอบสนองความต้องการของตลาด แต่จะเข้าไปตอบสนองซี้ซั้วไม่ได้ ต้องเข้าไปตอบสนองสิ่งที่เราเก่งอยู่แล้ว
คนญี่ปุ่นมีปัญหาสุขภาพอะไร? โรคกระเพาะ โรคลำไส้ เราเก่งเรื่องเหล่านี้ นอกจากนี้ เรายังรวมตัวกับโรงพยาบาลซาโน่ และโรงพยาบาลทาคาซากิ ในเรื่องเด็ก
พอเห็นโอกาส เราเลยลงทุน เปิดเป็นตึก 7 ชั้น เป็นแบรนด์ใหม่เลยว่า Japanese Hospital by Samitivej
ตัวนี้จะไปเชื่อมกับสาขาศรีราชา ที่นั่นเป็นชั้น 12 เพียงชั้นเดียว แต่ที่นี่คือ 7 ชั้น ทั้งตึก ซึ่งอาจมีคนไข้ต่างประเทศเข้ามาร่วมด้วย โรงพยาบาลทั้งสองแห่งจะเชื่อมโยงกัน เวลาเขามีอะไรที่แถบ EEC ก็จะไปที่ศรีราชา ส่วนโรคยากเขาก็ส่งมาที่สุขุมวิท เป็น One Hospital, Two Campuses
คนไข้ตะวันออกกลางไม่ลด เน้นสร้างความไว้ใจ
ถาม: นโยบายของรัฐบาลในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางที่ลดการสนับสนุนประชากรที่ออกไปรักษาตัวทางการแพทย์ในต่างประเทศ สำหรับสมิติเวช ศรีนครินทร์ ซึ่งเน้นคนไข้จากกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง เราจัดการกับปัญหานี้ได้อย่างไร?
นพ. อดินันท์: เราเพิ่งพบกับตัวแทนของสถานทูตในประเทศตะวันออกกลาง เขายังยืนยันว่านโยบายของเขาคือการลดการออกมารักษาของประชากรของเขาในต่างประเทศโดยไม่จำเป็น หมายความว่าเป็นการรักษาโรคที่ไม่มีความรุนแรง
โรคที่ยังคงต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ การรักษาพิเศษ เขายังต้องส่งมาให้เราดูแล แต่พอโรคเริ่มดีขึ้น ต้องการการรักษาแบบพื้นฐานเท่านั้น เราก็ส่งกลับไป
การที่เราดำเนินการเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกว่าเรารักษาโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของคนไข้ ทั้งในแง่ของงบประมาณขิงประเทศ กลายเป็นว่าเขาส่งมาให้เราเยอะขึ้นด้วยซ้ำ เพราะเขารู้ว่าแทนที่เราจะเก็บเคสเอาไว้นานๆ เรารักษาจำเป็นแล้วกลับไปรักษาต่อที่บ้าน
น.พ.ชัยรัตน์: เราก็เลยได้เรื่องของความไว้วางใจ เราส่งทีมไปช่วยเขาก็มี แล้วก็สิ่งที่เขาทำไม่ได้จริงๆ เขาก็จะส่งมาหาเรา ที่น่าสนใจคือตัวเลขผู้ป่วยจากกลุ่มประเทศตะวันออกกลางของเราเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม
เรามีแต่ขึ้น เพราะว่าเราเลือกทำในสิ่งที่เขาทำไม่ได้ และสอง เราช่วยเขา เขาก็กลับมาไว้ใจเรา
![](https://brandinside.asia/wp-content/uploads/2018/11/IMG_20181126_104546-min.jpg)
ขอขอบคุณโรงพยาบาลสมิติเวช คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ ที่ได้อนุญาตให้สัมภาษณ์พิเศษในครั้งนี้
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา