กลุ่มสามารถ ปักธงปี 2020 ลุยธุรกิจด้าน Solution เน้นรายได้ที่ยั่งยืน ตั้งเป้า 20,000 ล้านบาท

“กลุ่มสามารถ” วางเป้ารายได้รวมปี 2020 ไว้ 20,000 ล้านบาท หลังที่ผ่านมาพลิกฟื้นธุรกิจที่ขาดทุนในช่วงก่อนหน้านี้ กลับมาเริ่มมีกำไรปี 2019 พร้อมวางรากฐานธุรกิจใหม่ เน้นธุรกิจ Solution และเทคโนโลยีที่หลากหลาย ที่พร้อมสร้างรายได้ที่มั่นคงและต่อเนื่อง

2019 ปีพลิกฟื้นธุรกิจ

นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า “ปี 2019 เป็นปีแห่งการพลิกฟื้นและวางรากฐานธุรกิจใหม่ของกลุ่มสามารถ กลับมาเน้นธุรกิจที่เรามีความเชี่ยวชาญ อาทิด้าน Banking Solutions ที่หลายๆ ธนาคารของรัฐวิสาหกิจ ให้เราทำระบบ Core Banking, โครงการระบบคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปสำหรับธุรกิจหลัก ให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่มีมูลค่าถึงกว่า 5,000 ล้านบาท, โครงการสถานีไฟฟ้าย่อย (Substation) และการนำสายไฟลงดิน หรือ Underground Cable Services ของบริษัท เทด้า ที่มีงานในมือแล้วประมาณ 3,500 ล้านบาท

ส่วนธุรกิจ Digital Trunk Network ที่ติดตั้งเครือข่ายครอบคลุมไปแล้วประมาณ 90% ซึ่งจะเป็นโอกาสในการจำหน่ายเครื่อง Digital Trunk Radio หลักหมื่นเครื่องให้กับหน่วยงานราชการที่มีการเบิกใช้งบได้แล้ว ในส่วนธุรกิจ Cyber Security ได้มีการเปิดตัวบริษัท ซีเคียวอินโฟ อย่างเป็นทางการ โดย IBM ให้เราเป็นพันธมิตรรายแรกและรายเดียวในประเทศไทยในการนำเทคโนโลยี Watson AI มาใช้ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบในการให้บริการ กลุ่มสามารถจึงมีโอกาสสร้างรายได้เพิ่มขึ้น 40 – 50% โดยจะเป็นงานของสายธุรกิจ ICT มากถึง 9,500 ล้านบาท

เน้น 3 ธุรกิจหลัก สร้างรายได้ที่มั่นคง ยั่งยืน

ในปี 2020 กลุ่มสามารถ เล็งเห็นโอกาสในการเติบโตรายได้ที่มาจากนโยบายภาครัฐที่จะก้าวสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล (Digital Government) โดยชูกลยุทธ์นำเสนอ โซลูชั่นและเทคโนโลยีที่หลากหลาย หรือ Unlimited Solutions ประกอบด้วย 3 กลุ่มธุรกิจหลักที่สามารถสร้างรายได้ที่มั่นคง ระยะยาว ได้แก่

กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ (High Demand Solutions for Critical Infrastructure)

  • การพัฒนาระบบ Core Banking, Payment Service, Data Center for Banks จากลูกค้าในกลุ่มเป้าหมายทั้งธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารออมสิน ธนาคารเอสเอ็มอี ฯลฯ รวมมูลค่าโครงการประมาณ 4,000 ล้านบาท
  • Airport Solutions จากโครงการระบบตรวจบัตรโดยสารขึ้นเครื่อง และระบบตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า ของ บมจ.ท่าอากาศยานไทย ที่มีมูลค่ารวมกว่า 8,000 ล้านบาท
  • Cyber Security ที่มี พรบ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ 2562 จะบังคับใช้กับหน่วยงานต่าง ๆ กลุ่มลูกค้าเป้าหมายจึงมีทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมมูลค่า 200-300 ล้านบาท
  • Network Solution ที่เกี่ยวข้องกับ Nationwide Fiber Optic, IP Telephony จากกระทรวงมหาดไทย, การรถไฟแห่งประเทศไทย และอื่นๆ รวมมูลค่า 2,000 ล้านบาท

กลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (High Recurring Rev. Projects)

ปี 2020 กลุ่มสามารถคาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นเป็น 6,200 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโครงการของสายธุรกิจ ICT อาทิ โครงการกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค บมจ.ท่าอากาศยานไทย ธนาคารและสถาบันการเงิน เป็นต้น มูลค่าโครงการรวมคาดว่าอยู่ที่ 20,000 ล้านบาท

กลุ่มธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูง หรือ High Future Growth Business

ปีนี้กลุ่มสามารถจะนำบริษัทในเครือเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในช่วงไตรมาส 2 คือ บริษัท สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ หรือ SAV เป็น Holding company โดยเน้นลงทุนในบริษัทที่ประกอบธุรกิจการจราจรทางอากาศ หรือธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการจราจรทางอากาศ โดย SAV ถือสัดส่วนร้อยละ 100.00 ในบริษัท แคมโบเดีย แอร์ ทราฟฟิค เซอร์วิส จำกัด “CATS” เพียงบริษัทเดียว ซึ่งปีที่ผ่านมามีรายได้มากถึง 2,000 ล้านบาท โดยธุรกิจของ CATS เป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำและมีการเติบโตขึ้นทุกปีจากการเติบโตท่องเที่ยวของประเทศกัมพูชาที่มีนักท่องเที่ยว 7 ล้านคนในปีที่ผ่านมา และจำนวนเที่ยวบินที่ขึ้นลงในสนามบินและเที่ยวบินที่บินผ่านน่านฟ้ากัมพูชาที่เพิ่มขึ้น

เศรษฐกิจไม่ดี แต่ไม่ได้กระทบมากนัก

วัฒน์ชัย กล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจที่คาดการณ์ว่าชะลอตัว ซึ่งจะส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชนรายอื่นๆ แต่กลุ่มสามารถยืนยัน ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากรายได้ของบริษัท 3 ใน 4 เป็นงานจากภาครัฐ และมีการผ่านร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2563 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว การเบิกงบเพื่อลงทุนในระบบ IT ต่างๆ จะเริ่มได้ในเร็ววันนี้ และเราคาดการณ์ว่าในช่วง 3 ปีข้างหน้า หน่วยงานรัฐหลายๆ แห่ง ต้องมีการปรับปรุงระบบ IT ต่างๆ ให้ทันสมัย ดังนั้นเม็ดเงินหลายพันล้านบาท กลุ่มสามารถพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลงานอย่างแน่นอน

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา