จากสถานการณ์ล่าสุดที่ Andrés Manuel López Obrador ประธานาธิบดีเม็กซิโก ประกาศแผนลดเงินเดือนตัวเอง 60% เมื่อเข้ารับตำแหน่งในเดือน ธ.ค. นี้ จากปกติที่เขาต้องได้เงินเดือน 5,707 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 188,331 บาท) แถมจะยก Los Pinos (พื้นที่ส่วนที่พักอาศัยของประธานาธิบดี) กลายเป็นศูนย์วัฒนธรรมด้วย
มันเกิดอะไรขึ้นกับโลกเรากันเนี่ย?
ดอกเตอร์ Philipp Koeker จากมหาวิทยาลัย Leibniz ที่ Hannover ซึ่งศึกษาเรื่องเงินเดือนของประธานาธิบดีในยุโรป บอกว่า มันเป็นเรื่องประชานิยมแบบหนึ่ง ที่ผู้นำแต่ละประเทศจะแสดงจุดยืนว่าคนสามารถเข้าถึงได้ง่ายและพยายามสร้างระยะห่างระหว่าง ตัวเองกับชนชั้นสูง
ว่าแต่ใครเลือกตัดเงินเดือนตัวเองกันบ้าง ?
Jose Mujica ประธานาธิบดีอุรุกวัย ครองตำแหน่งถึงปี 2015 ติดอันดับเป็น ประธานาธิบดีที่จนที่สุดในโลก เพราะทุกเดือนเขาบริจาคเงินเดือนกว่า 90% หรือคิดเป็น 7,500 ปอนด์ (ประมาณ 328,219 บาท)ให้มูลนิธิที่ช่วยเหลือคนจน
โดย Mujica ขับรถ Volkswagen Beetle คันเก่า และอาศัยอยู่ที่ฟาร์มของเขา แทนที่จะอาศัยอยู่ในทีส่วนที่พักอาศัยของประธานาธิบดี แม้ว่าเขาจะลดเงินเดือนตัวเองลง แต่เขาก็เอนจอยกับงานที่ทำอยู่
ด้าน Evo Morales ประธานาธิบดีประเทศโบลิเวีย เมื่อเข้ารับตำแหน่งในปี 2005 ประกาศลดเงินเดือนตัวเองเดือนละ 1,000 ปอนด์ (ประมาณ 43,762 บาท) ซึ่งเป็นการทำตามสัญญาที่เขาให้ไว้กับประชาชนช่วงหาเสียง
ซึ่งในโบลิเวียไม่มี พนักงานภาครัฐที่สามารถเงินเดือนสูงกว่าประธานาธิบดีได้ แสดงให้เห็นว่า เขามีระบบตรวจสอบภายในคณะรัฐบาลด้วย
ส่วนปี 2015 Dilma Rousseff ประธานาธิบดีประเทศบราซิล ที่เจอความท้าทายของเศรษฐกิจในช่วงนั้น ตัดสินใจลดเงินเดือนตัวเอง 10% เหลือปีละ 90,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2.97 ล้านบาท)
ในปีเดียวกัน ทาง Vladimir Putin ประธานาธิบดีรัสเซีย และเจ้าหน้าที่ของเขา ประกาศลดเงินเดือนลง ประธานาธิบดีของประเทศ 10% เมื่อราคาอาหารต่างๆปรับตัวขึ้น และมีเหตุการณ์การคว่ำบาตรจากตะวันตก
ทั้งนี้ปี 2017 ที่ผ่านมา Putin สินทรัพย์ทั้งหมดอยู่ที่ 18.73 ล้านรูเบิล (ประมาณ 9.98 ล้านบาท) แต่มากกว่าครึ่งหนึ่งมาจากการขายอสังหาริมทรัพย์ในกรุงมอสโก
ส่วน Cyril Ramaphosa ประธานาธิบดีคนใหม่ของประเทศแอฟริกาใต้ บอกความตั้งใจของเขาว่าจะ ตัดเงินเดือนเขาครึ่งนึง หรือ ประมาณ 100,000 ปอนด์ (ประมาณ 4.37 ล้านบาท)ให้แก่ มูลนิธิเนลสันแมนเดลา อย่างไรก็ตาม เขาถือว่าเป็นอดีตนักธุรกิจที่รวยที่สุดในแอฟริกาใต้ ซึ่งมีสินทรัพย์มากกว่า 400 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 13,200 ล้านบาท)
เงินเดือนประธานาธิบดีของไนจีเรีย อยู่ที่ 70,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2.31 ล้านบาท) ซึ่งทาง Muhammadu Buhari และรองประธานาธิบดีของเขา เห็นด้วยที่จะลดเงินเดือนตัวเองลง 50% เริ่มตั้งแต่เขารับตำแหน่งในปี 2015
แต่ถ้าย้อนไปที่ทศวรรษ 1980 Thomas Sankara ประธานาธิบดีของประเทศ Burkina Faso เลือกที่จะรับเงินเดือน 450 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 14,850 บาท) และห้ามคนในคณะรัฐมนตรีของเขามีคนขับรถ หรือนั่งเครื่องบินแบบ first class (ข้อมูลจาก the Guardian)
ไม่ลด แต่ยกเงินเดือนบริจาคไปเลย
Andrej Kiska ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของประเทศสโลวาเกีย เลือกที่จะบริจาคเงินเดือนทั้งหมดของเขาให้การกุศล ในปี 2013 เงินเดือนของเขาถือว่ามากกว่า 9,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 297,000 บาท)
และสุดท้าย ด้าน Donald Trump ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของสหรัฐฯ ก็ตามรอยเท้าของประธานาธิบดีสหรัฐคนอื่นๆ (Herbert Hoover และ John F Kennedy) ซึ่ง Trump เลือกที่บริจาคเงินส่วนใหญ่ให้การกุศล และรับเงินเดือน 1 เหรียญสหรัฐ (33 บาท) ต่อปี ซึ่งเฉลี่ยแล้วเงินเดือนของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทั้งปีจะอยู่ที่ 400,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 13.2 ล้านบาท)
แล้วใครได้เงินเดือนเยอะที่สุดในโลกกัน?
แม้ว่าเงินเดือนของผู้นำ ประธานาธิบดี หรือ นายกรัฐมนตรี แต่ละประเทศจะไม่ได้บอกว่ารายได้ทั้งหมดของพวกเขาเป็นเท่าไร แต่เรายังเห็นช่องว่างจากเงินเดือนขั้นพื้นฐานของแต่ละประเทศได้ ซึ่งน่าจะเชื่อมโยงกับเงินเดือนสูงสุดของภาคเอกชนในประเทศนั้นๆ
ประเทศที่ผู้นำเงินเดือนสูงสุดคือ นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ มีเงินเดือนรวม ปีละ 2 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 66 ล้านบาท)
ส่วน Theresa May นายกรัฐมนตรีของสหราชอาณาจักร (อังกฤษ) ได้เงินเดือนรวม ปีละประมาณ 150,000 ปอนด์ (ประมาณ 6.56 ล้านบาท)
Angela Merkel นายกรัฐมนตรีของเยอรมันได้เงินเดือนรวม ปีละ 200,000 ปอนด์ (ประมาณ 8.75 ล้านบาท)
ในขณะที่ Xi Jinping ประธานาธิบดีของจีน แต่ละปีเขามีเงินเดือนรวมที่ 22,000 เหรียญสหรัฐ (726,000 บาท) หรือเฉลี่ยเดือนละ 1,833 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 60,500 บาท)
ขณะที่ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ ระบุว่า ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทยได้รับเงินเดือน 75,590 บาท รวมกับเงินเพิ่มเดือนละ 50,000 เท่ากับประมาณ 125,590 บาทต่อเดือน ไม่รวมเงินเดือนในฐานะหัวหน้า คสช. (อีกประมาณ 125,590 บาท) และเงินเบี้ยเลี้ยงอื่นๆ
ที่มา BBC
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา