รวยแล้วไปไหน? เหล่าคนรวยทนไม่ไหว ไม่อยากรับมือการขึ้นภาษี ต้องหนีแล้ว!

ใครๆ ก็ไม่อยากถูกเก็บภาษี คนรวยก็เหมือนกัน แต่เขามีโอกาสมากกว่าใคร ง่ายที่สุดก็แค่ย้ายประเทศ!

รายงานจาก Bloomberg ระบุว่า การพยายามขึ้นภาษี ส่งผลให้บรรดาเศรษฐีพยายามจะเก็บกระเป๋าเพื่ออพยพไปอยู่ประเทศที่มีฐานภาษีถูกกว่า มีหลายประเทศเลยแหละ แต่ไทยไม่ติดอันดับ Top 10 นะ

Billionaire

ในอังกฤษ

เริ่มจากอังกฤษก่อนเลย นายกรัฐมนตรี Keir Starmer มีแผนเตรียมที่จะยกเลิกสิทธิพิเศษทางภาษีสำหรับชาวต่างชาติที่เป็นคนร่ำรวย เรียกกันว่า Non-dom หมายถึง ผู้ที่พักอาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักรและมีบ้านถาวรหรือมีภูมิลำเนาอยู่นอกสหราชอาณาจักรเพื่อเป้าหมายด้านภาษี

โดย Non-dom ยังหมายถึงสถานะทางภาษีของบุคคล ไม่เกี่ยวกับสัญชาติ หรือสถานะการพำนักหรือสถานะพลเมือง โดยพวกเขาจะจ่ายภาษีตามรายได้ที่เขาได้รับในสหราชอาณาจักรเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องจ่ายภาษีให้กับรัฐบาลสำหรับรายได้ที่เขาหาได้จากที่อื่นทั่วโลก เว้นแต่ว่ารายได้นั้นจะไหลเข้าบัญชีในสหราชอาณาจักร

สำหรับบุคคลที่ร่ำรวย ถือว่าเป็นการประหยัดเงินจำนวนมากและถูกกฎหมาย หากระบุว่าพักอยู่ในประเทศที่ที่มีฐานภาษีต่ำ

ที่ว่ามาทั้งหมดนี้ก็คือสิทธิพิเศษที่คนร่ำรวยที่อาศัยอยู่ในอังกฤษเคยได้รับ แต่ถัดจากนี้ นายกฯ เตรียมล้างบางคนรวยทั้งหลาย ด้วยการยกเลิกสิทธิพิเศษทางภาษีดังกล่าว แน่นอนว่าไม่ใช่แค่รายได้ แต่หมายรวมถึงสินทรัพย์ที่ถืออยู่ในกองทุนต่างประเทศด้วย รวมถึงขึ้นภาษีจากการได้กำไรจากทุนหรือมรดกที่ได้รับด้วย

United Kingdom
Photo by Marcin Nowak on Unsplash

ในฝรั่งเศส

ไม่ใช่แค่สหราชอาณาจักรหรืออังกฤษเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว เมื่อเศรษฐกิจมันแย่ คนที่โดนเพ่งเล็งจึงกลายเป็นกลุ่มคนรวยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ฝรั่งเศสเองก็มีทีท่าว่าพันธมิตรฝ่ายซ้ายเตรียมจะเก็บภาษีเหล่าเศรษฐีนี่มากขึ้นเช่นกัน

โดยคำมั่นสัญญาที่เหล่าฝ่ายซ้ายหาเสียงไว้ก็คือ ถ้าได้รับชัยชนะ ครองเก้าอี้มากที่สุดก็จะขึ้นภาษีเหล่าคนรวยแน่นอน ซึ่งการขึ้นภาษีหรือเก็บภาษีคนรวยก็รวมถึงมรดกที่พวกเขาครอบครองด้วย

Top 10 ประเทศในฝันที่เหล่าเศรษฐีกำลังเตรียมไปอยู่

จากลิสต์ประเทศที่มีการสำรวจโดย Henley & Partners ได้ระบุไว้ว่า ประเทศที่เหล่าเศรษฐีที่มีความมั่งคั่ง มีสภาพคล่องตั้งแต่ 1 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 35 ล้านบาทขึ้นไป อยากย้ายไปอยู่อาศัย 10 อันดับแรกคือประเทศเหล่านี้

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จำนวนกว่า 6,700 คน
สหรัฐอเมริกา กว่า 3,800 คน
สิงคโปร์ กว่า 3,500 คน
แคนาดา กว่า 3,200 คน
ออสเตรเลีย กว่า 2,500 คน
อิตาลี กว่า 2,200 คน
สวิตเซอร์แลนด์ กว่า 1,500 คน
กรีซ จำนวนกว่า 1,200 คน
โปรตุเกส กว่า 800 คน
ญี่ปุ่น กว่า 400 คน

Top 10 ประเทศที่เศรษฐีอยากย้ายประเทศ

ขณะที่ประเทศที่กลุ่มคนรวยที่ต้องการย้ายออกจากประเทศ แม้ไม่มีประเทศฝรั่งเศสติดโผ Top 10 แต่ก็มีรายชื่อน่าสนใจ ดังนี้

จีน 15,200 คน
สหราชอาณาจักร 9,500 คน
อินเดีย 4,300 คน
เกาหลีใต้ 1,200 คน
สหพันธรัฐรัสเซีย 1,000 คน
บราซิล 800 คน
แอฟริกาใต้ 600 คน
ไต้หวัน 400 คน
ไนจีเรีย 300 คน
เวียดนาม 300 คน

ทั้งสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสต่างเป็นประเทศที่มีมหาเศรษฐีติดอันดับ Top 10 ของโลกและยังติดอันดับ Top 500 ของ Bloomberg จำนวน 27 คน เป็นเศรษฐีที่มีทรัพย์สินมหาศาลระดับ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาทขึ้นไป

รายชื่อมหาเศรษฐีที่พอจะคุ้นเคยกันบ้าง เช่น Bernard Arnault เจ้าอาณาจักรแบรนด์หรู LVMH และ James Dyson เจ้าพ่อวงการเครื่องใช้ไฟฟ้าหรู เป็นต้น

France

อังกฤษและฝรั่งเศสจะมองหาที่ใดเป็นอันดับแรกๆ?

ใกล้บ้าน.. ไม่พ้นอิตาลี ที่แห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากถิ่นเดิมทั้งยังมีการเรียกเก็บภาษีที่เป็นมิตร มิลานคือจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจ เหล่าบรรดาคนรวยต่างถามไถ่นักกฎหมายภาษีกันทั่วว่าสนใจจะย้ายไปอยู่

ถัดจากอิตาลีก็คือสวิตเซอร์แลนด์ แหล่งดึงดูดเศรษฐีผู้มั่งคั่งของโลกมาอย่างยาวนาน เพราะทุกอย่างในประเทศเอื้อประโยชน์ไปหมด ไม่ว่าจะเป็นความเป็นส่วนตัวจากระบบธนาคาร การเมืองมั่นคง และยังมีภาษีที่เอื้ออำนวยให้เหล่าคนรวยอยากย้ายไปอยู่กันทั้งนั้น

แม้อัตราภาษีจะหลากหลายตามเขตการปกครอง แต่ถือว่าอยู่ในระดับต่ำที่สุดในบรรดาประเทศที่ใช้ภาษาสวิส-เยอรมัน

นอกจากนี้ก็มีเบลเยียม ที่ดึงดูดกลุ่มคนรวยจากประเทศฝรั่งเศสมาก เพราะมีสิทธิพิเศษทางภาษี มีสภาพภูมิประเทศและวัฒนธรรมที่คุ้นเคย

ตามด้วยโมนาโก ที่ไม่มีการเก็บภาษีที่เป็นรายได้หรือกำไรจากการขายหุ้น นี่ถือเป็นแหล่งที่เหล่าเศรษฐีรวมตัวกันหนานแน่นมากที่สุดในโลก ทางเลือกของเหล่าเศรษฐีอังกฤษที่ก็เคยมีผู้ก่อตั้งบริษัทเคมียักษ์ใหญ่อย่าง Ineos Group ย้ายไปอยู่ตั้งแต่ปี 2018 แล้ว

เมืองที่มาแรงมากๆ ก็คืออาบูดาบีและดูไบในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นี่ก็ไม่เก็บภาษีเงินเดือนหรือเงินปันผล และยังมีการสร้างตลาดเงินที่ดึงดูดบริษัทยักษ์ใหญ่และสำนักงานครอบครัวให้มาตั้งรกรากอยู่ที่นี่ด้วย

เศรษฐีแห่งวงการคริปโตอย่าง Changpeng Zhao หรือ CZ ตระกูล Adani หรือเจ้าพ่อเฮดจ์ฟันด์อย่าง Ray Dalio ต่างก็มาตั้ง SPV หรือนิติบุคคลเฉพาะกิจที่นี่ (SPV คือบริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด หรือทรัสต์ สามารถจัดตั้งและจดทะเบียนเพื่อแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ตามกฎหมายได้)

อีกประเทศที่ดึงดูดเหล่าเศรษฐีได้มาก ก็คือประเทศเล็กๆ แต่มีศักยภาพสูงมากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นใครไปไม่ได้เลยถ้าไม่ใช่..สิงคโปร์ ไม่กี่ปีที่ผ่านมาเหล่าเศรษฐีจากเอเชีย ยุโรป อเมริกันล้วนหลั่งไหลเข้าสิงคโปร์

สำหรับเศรษฐีที่ต้องการความคุ้นเคยด้านวัฒนธรรมและภาษา ที่ฮอตสุดๆ ก็คือ อเมริกาเหนือและกลุ่มประเทศ Commonwealth ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นไมอามี ฟลอริดา

รวมไปถึงประเทศที่เก็บภาษีสูงอย่างออสเตรเลียและแคนาดาก็ดึงดูดกลุ่มคนรวยเช่นกัน เนื่องจากไม่เก็บภาษีสินทรัพย์และความมั่งคั่ง ไม่มีภาษีของขวัญ ทั้งยังมีแนวโน้มที่จะได้ถิ่นที่อยู่อาศัยและได้สัญชาติผ่านการลงทุนด้วย เมืองควิเบกของแคนาดาก็เป็นที่นิยมและดึงดูดชาวฝรั่งเศสมากขึ้นด้วย คิดเป็น 13% จากการอพยพบในปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดถ้าเทียบกับประเทศอื่นๆ

ที่มา – Bloomberg, BBC, Henley Global

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา