เมื่อ 5-6 ปีก่อน ตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่เติบโตในไทยสุดๆ แต่ปัจจุบันตลาดนี้เริ่มทรงตัว และตลาดมอเตอร์ไซค์ขนาดกลางเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ซึ่ง Royal Enfield คือหนึ่งในแบรนด์ที่บุกตลาดนี้
ตลาดโตเร็วจนต้องเร่งลงทุนเพิ่ม
Royal Enfield คือแบรนด์มอเตอร์ไซค์จากอังกฤษที่ก่อตั้งมามากกว่า 100 ปี และเริ่มเข้ามาบุกตลาดประเทศไทยเมื่อ 4 ปีก่อน ผ่านการวางตัวเองเป็นมอเตอร์ไซค์ขนาดกลางที่ขับขี่ในเมืองได้สะดวกสบาย และสามารถขับขี่ออกนอกเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สิทธัตถะ ลาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอเชอร์ มอเตอร์ส ลิมิเต็ด บริษัทแม่ของ Royal Enfield เล่าให้ฟังว่า ช่วง 3 ปีแรกของการทำตลาดในประเทศไทย บริษัทมีหน้าร้านเพียง 1 แห่ง แต่ด้วยการตอบรับของผู้บริโภค และตลาดมอเตอร์ไซค์ขนาดกลางที่เติบโตในช่วงนี้ ทำให้บริษัทให้ความสำคัญกับประเทศไทยมากขึ้น
“ตอนนี้ Royal Enfield มีหน้าร้าน 26 แห่งทั่วประเทศไทย และภายในเดือนมี.ค. 2564 จะเพิ่มเป็น 36 แห่ง ที่สำคัญไทยยังเป็นอีกตลาดที่ขับเคลื่อนยอดขายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคที่มีเกาหลีใต้, เวียดนาม และออสเตรเลียเป็นต้น ซึ่งบริษัทหวังว่าเป้าหมายต่างๆ จะเดินหน้าไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
จาก 889 สู่ 3,146 คันภายใน 4 ปี
สำหรับยอดขาย Royal Enfield ในประเทศไทยนั้นในปีงบประมาณแรกอยู่ที่ 889 คัน แต่ในปีงบประมาณล่าสุดนั้นอยู่ที่ 3,146 คัน หรือหากคิดเป็นผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ของ Royal Enfield จะมีกว่า 7,000 คัน โดยกลุ่มลูกค้าของแบรนด์จะอยู่ในช่วงอายุ 25-50 ปี มีทั้งชาย และหญิง
ขณะเดียวกัน Royal Enfield นิยามความหมายของมอเตอร์ไซค์ขนาดกลางว่าเป็นมอเตอร์ไซค์ที่มีขนาดเครื่องยนต์ 250-700 ซีซี โดยทางแบรนด์กินส่วนแบ่งในตลาดนี้ที่ 5.5% ผ่านการจำหน่ายมอเตอร์ไซค์ทั้งหมด 6 รุ่นย่อย ราคาราว 1.7-2.3 แสนบาท
อย่างไรก็ตามด้วยการระบาดของโรค COVID-19 ทำให้เป้าหมายของปีงบประมาณ 2563 ที่ยังไม่สิ้นสุดยังคาดเดาได้ลำบาก เพราะวิกฤตนี้ส่งผลตรงกับผู้บริโภคในการตัดสินใจซื้อ แต่ Royal Enfield พร้อมทำตลาดเพื่อสร้างการรับรู้ และกระตุ้นความต้องการ เพื่อรักษาการเติบโตเอาไว้ให้ได้
เพิ่มดีกรีการทำตลาดด้วยโรงงานในประเทศไทย
ในทางกลับกัน Royal Enfield มีแผนเดินหน้าโรงงานประกอบมอเตอร์ไซค์ในประเทศไทย โดยการประกอบจะเริ่มตั้งแต่ไตรมาส 1 ของปีงบประมาณถัดไป หรือระหว่างเดือนเม.ย.-มิ.ย. 2564 จากเดิมที่ต้องนำเข้ามอเตอร์ไซค์รุ่นต่างๆ เข้ามาทำตลาด
ทั้งนี้โรงงานประกอบในประเทศไทยจะช่วยให้ Royal Enfield ทำตลาดในประเทศไทยได้ดีขึ้น และสามารถขยายตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ดีกว่าเดิมเช่นกัน เพราะสามารถส่งออกไปยังประเทศไกล้เคียงได้ทันที ถือเป็นอีกกลยุทธ์สำคัญในการบุกตลาดต่างประเทศของแบรนด์
ปัจจุบัน Royal Enfield มีเจ้าของ และทำตลาดโดยบริษัท ไอเชอร์ มอเตอร์ส ลิมิเต็ด จากประเทศอินเดีย มียอดขายจากตลาดต่างประเทศ (นอกอินเดีย) เพิ่มขึ้น 96% และเอเชียแปซิฟิคถือเป็นตลาดที่สำคัญของแบรนด์ ผ่านการประสบความสำเร็จในแง่ยอดขาย
สรุป
เมื่อตลาดมอเตอร์ไซค์ขนาดกลางเติบโตมากขึ้น ก็ไม่แปลกที่ Royal Enfield จะเติบโตเช่นเดียวกัน เพราะวางตำแหน่งเป็นมอเตอร์ไซค์ขนาดกลางที่ราคาเข้าถึงได้ง่ายมาตั้งแต่แรก ยิ่งการเข้ามาตั้งโรงงานอย่างจริงจัง และขยายตัวแทนในไทย ก็น่าจะทำให้ Royal Enfield เติบโตไปมากกว่านี้แน่นอน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา