Robinhood เปิดแอพ Robinhood Rider App เพิ่มค่าส่งเป็น 43 บาท ให้เช่ามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า

7 เดือนของการให้บริการ ถึงวันนี้ต้องบอกว่า Robinhood อาจไม่ใช่แอพเล็กๆ อีกต่อไปด้วยยอดดาวน์โหลด 1.1 ล้าน 97,000 ร้านค้าและ 15,000 ไรเดอร์ ถือว่าไม่ธรรมดา และล่าสุดกับการเปิดตัว Robinhood Rider App มาเพื่อแก้ปัญหาให้กับ “คนขับ” ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของบริการ Delivery

อ่านประกอบ – เปิดรายได้ Robinhood บริการ Delivery ที่ประกาศว่าไม่เก็บค่า GP จากร้านอาหาร

Robinhood

รายได้มั่นคง-มีประกันภัย-กระจายงานทั่วถึง

ธนา เธียรอัจฉริยะ ประธานกรรมการ บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด ในเครือ SCB ผู้ให้บริการ Robinhood บอกว่า จากการสำรวจความต้องการของไรเดอร์ พบว่าสิ่งที่ไรเดอร์อยากได้มากที่สุด ประกอบด้วย รายได้ที่มั่นคง, เงินเข้าในวันเดียวกัน, ประกันคุ้มครอง และการกระจายงานที่ทั่วถึง

จากจุดนี้นำมาสู่การพัฒนาแอพพลิเคชั่น Robinhood Rider App เพราะนอกจากการดูแลร้านค้าโดยการไม่เก็บค่า GP แล้ว ก็ต้องดูแลไรเดอร์ โดยการมีแอพ จะทำให้ Robinhood บริหารจัดการไรเดอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เริ่มจากการเพิ่มค่าขนส่ง 2 กม.แรก รับ 43 บาท (จากเดิม 40 บาท) มีประกันอุบัติเหตุ ประกันชีวิต และมีการกระจายงานที่ดีขึ้นกว่า

จากเดิม Robinhood ใช้บริการผ่าน Skootar ต้องยอมรับว่ามีข้อจำกัดอยู่ การพัฒนาแอพขึ้นมา Robinhood จะบริหารงานได้ดีขึ้น รับงานได้เร็วขึ้น กระจายงานได้มากขึ้น เสนออัตราพิเศษเป็นแรงจูงใจในช่วงนอกเวลา Prime Time ได้ โดยต่อไป Skootar ในฐานะพันธมิตรจะยังเป็นแบ็คอัพให้กับ Robinhood อีกระยะหนึ่งและเปลี่ยนไปทำงานร่วมกับทาง SCB แทน

Robinhood

เพิ่มงานเพิ่มโอกาสหาเงิน ก้าวสู่ Mini-Super App

สีหนาท ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด บอกว่า จากการทดลองใช้งาน Robinhood Rider App 50 วันจาก 5,000 ไรเดอร์ ใน 5 เขตที่มีออเดอร์เยอะๆ พบว่าลดเวลาในการรับงาน และกระจายงานดีขึ้น วันนี้เปิดให้ดาวน์โหลดได้ทาง Google Play แล้ว อีก 1-2 เดือนจะให้ดาวน์โหลดใน Appstore

นอกจากค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นเป็น 43 บาทรับเต็มไม่หัก % ยังรองรับระบบทิปจากลูกค้าได้ด้วย และมีการเพิ่มงาน Express Service ส่งเอกสารพัสดุ และ Mart Service ช้อปปิ้งให้ลูกค้า เป็นการสร้างโอกาสการเพิ่มรายได้ในช่วงเวลาที่ Food Delivery มีน้อย

จากการเพิ่มบริการ และในอนาคตจะมีบริการด้านท่องเที่ยวด้วย ทำให้ Robinhood วางแผนว่าภายในไตรมาส 4 ปีนี้ Robinhood จะเปลี่ยนโฉม ก้าวสู่การเป็น Mini Super App กับ 4 บริการหลัก คือ กิน (Food),​ เที่ยว (Travel), ซื้อ (Mart) และส่ง (Express)

Robinhood

Robinhood

จับมือ 2 รถมอเตอรไซค์ไฟฟ้า ETRAN-HSem ให้เช่า 120 บาท/วัน

สำหรับไรเดอร์ที่ไม่มีรถมอเตอร์ไซค์ สามารถเช่ารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าได้ 120 บาท/วัน (รวมค่าเปลี่ยนแบตกี่ครั้งก็ได้) โดยเริ่มต้นมี 200 คัน และเตรียม 18 สถานีเปลี่ยนแบตเตอร์รี่ ไม่ต้องชาร์จเพื่อลดเวลา และในปีนี้จะขยายจำนวนรถไฟฟ้าเป็น 1,500 คัน และเพิ่มสถานีให้มากกว่า 100 สถานีเปลี่ยนแบต ทั้งกทม.และปริมณฑล

พันธมิตรรายแรกคือ ETRAN ใช้รุ่น ETRAN MYRA ทำความเร็วสูงสุด 100 กม./ชั่วโมง แบตเตอร์รี่ใช้งานได้ประมาณ 180 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง พันธมิตรรายที่สอง HSem (เอชเซ็ม) ใช้รุ่น MOBILA G ความเร็วสูงสุดเต็มสปีด 90 กม./ชั่วโมง ใส่แบต 2 ก้อน วิ่งได้ประมาณ 140 กิโลเมตร มีตู้เปลี่ยนแบต ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ใช้เวลาเปลี่ยนแบต​ 3-5 นาที ถ้ารถมีปัญหาระหว่างทาง จะมีบริการรถไปเปลี่ยนให้

Robinhood คาดว่า จะมีไรเดอร์ทั้งเก่าและใหม่มาเช่าใช้ประมาณ 1,500-2,000 คันในปีนี้ ซึ่งหากเช่าใช้ครบ 900 วัน สามารถซื้อมาเป็นของตัวเองได้ในราคา 1,000 บาท

Robinhood

ชุดใหม่ สีใหม่ ดีไซน์ใหม่

สุธีรพันธุ์ สักรวัตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานการตลาด ของ SCB บอกว่า เพื่อเป็นการต้อนรับแอพใหม่ พันธมิตรใหม่ Robinhood ได้ศึกษาเพื่อออกแบบชุดของไรเดอร์ใหม่ด้วย เริ่มจากเรื่องสี พบว่า สีส้ม เป็นสีที่ปลอดภัยที่สุดบนท้องถนนรองจากสีขาว (สีขาวปลอดภัยที่สุด) ขณะที่สีเหลือง ก็สื่อถึงความปลอดภัย มีเอกลักษณ์ด้วย เมื่อดูจากโลโก้ของ Robinhood ที่มีสีดำ ม่วง ส้ม จึงเลือก สีส้มและเหลือง เป็นสีหลักสำหรับไรเดอร์

ขณะที่การดีไซน์ เน้นทำออกมาให้ไรเดอร์อยากใส่ มี มาร์ก มาร์เกซ (Marc Márquez) นักแข่งระดับโลกทีม Repsol Honda เป็นแรงบันดาลใจและสุดท้ายวัสดุที่ใช้และกระบวนการผลิตพิถีพิถันมากใช้ซิปกันน้ำมีช่องใส่มือถือมีแถบสะท้อนแสงใช้เทคนิคการพิมพ์สีที่สวยงาม

Robinhood

สรุป

Robinhood เปิดเกมใหญ่ในตลาด Food Delivery ด้วยการมี Fleet (คนขับ) ของตัวเอง เพราะสุดท้ายในธุรกิจนี้การมีคนขับเองบริหารจัดการทุกอย่างได้ง่ายกว่า สะดวกกว่าและประหยัดต้นทุนกว่า ที่สำคัญ Robinhood กำลังขยายไปสู่บริการใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีก และ ธนา บอกว่า งบประมาณ 300 ล้านบาท เพียงพอสำหรับบริการด้าน Food Delivery เท่านั้น การจะขยายไปส่วนของท่องเที่ยวในอนาคต จำเป็นต้องได้งบจาก SCB มากขึ้น

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา