เดี๋ยวจะได้ปรับเงินเดือน เดี๋ยวจะได้ขึ้นตำแหน่ง สัญญามากมายแต่ไม่เคยเกิดขึ้นจริง
การทำงานเราจะได้เจอกับหัวหน้าแบบไหนก็เหมือนกับหมุนกาชาปอง ถ้าดวงดีก็อาจได้เจอคนที่เราถูกจริตด้วย แต่ถ้าโชคร้ายสุดๆ ก็อาจจะเจอคนแบบที่ตัวเองไม่ชอบ ซ้ำร้ายอาจจะโดนเอาเปรียบอีกด้วย
ผลสำรวจจากโรเบิร์ต วอลเทอร์ บริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดหางาน บอกชัดว่า ‘หัวหน้า’ นี่แหละคืออีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้พนักงานอยากลาออก!
สร้างมิตรย่อมดีกว่าศัตรู พนักงาน 63% หรือนับเป็น 2 ใน 3 บอกว่า ความห่างเหินและการมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับหัวหน้าหรือผู้บริหาร คือสิ่งที่ทำให้อยากลาออกจากงาน
นอกจากนี้ 68% ยังให้เหตุผลเรื่องการให้คำมั่นสัญญาแต่ทำไม่ได้อย่างที่พูด ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำลายความไว้วางใจ และพังความเชื่อมั่นที่มีต่อหัวหน้าอย่างรุนแรง
ความสัมพันธ์ระหว่างคนในทีม รวมถึงการใส่ใจในเรื่อง ‘คน’ กลายเป็นสิ่งที่หัวหน้าต้องหันมาให้ความสำคัญ ตามแนวโน้ม ‘ภาวะผู้นำที่ให้ความสำคัญกับคนเป็นศูนย์กลาง’ จากรายงานของ โรเบิร์ต วอลเทอร์ส
แต่ทำไมถึงต้องเป็นแบบนั้น?
แกริต บุคกาต ซีอีโอ ของ บริษัทโรเบิร์ต วอลเทอร์ส ให้ความเห็นไว้ว่า ปัจจุบันนี้แม้การทำงานจะมี AI เข้ามามีบทบาทจนทำให้คนทำงานต่างรู้สึกไม่มั่นคง แต่ท้ายสุดแล้วทรัพยากรมนุษย์ก็เป็นสิ่งที่สำคัญและขาดไปไม่ได้
ดังนั้นการให้ความรู้สึกปลอดภัย มอบความมั่นคงทางจิตใจแก่ลูกน้อง จึงเป็นโจทย์ที่คนเป็นหัวหน้าจะต้องตีให้แตก ซึ่งรวมไปถึงการรักษาสัญญา และการสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดี
เมื่อพนักงานรู้สึกได้ว่าตนเองกำลังได้รับความสำคัญ จะสามารถหนุนให้ธุรกิจสำเร็จได้ เพิ่มความแข็งแกร่งต่อทีม สร้างความรู้สึกผูกพันต่อองค์กร และรักษาคนเก่งๆ เอาไว้ได้ในระยะยาว
นอกจากนี้สิ่งสำคัญที่พนักงาน 70% มองหาจากหัวหน้า ก็คือความเข้าอกเข้าใจ หรือการมี Empathy ต่อกัน ไม่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง พร้อมรับฟังอย่างจริงใจ
แต่เรื่องคนก็ไม่ได้จัดการง่ายอย่างที่คิด หากหัวหน้าคนไหนคิดจะเป็นมิตรแบบปลอมๆ กับลูกน้อง ก็ลืมไปได้เลย เพราะพนักงาน 71% จะรู้สึกได้ทันทีหากน้ำเสียงไม่มีความจริงใจ แถมยังมองว่าเป็นการแสดงออกแบบฝืนๆ อีกต่างหาก
ผลก็คือ นอกจากจะซื้อใจไม่ได้แล้ว ยังไปลดโอกาสที่จะได้ฟังไอเดียใหม่ๆ หรือข้อมูลที่น่าสนใจจากพนักงานคนนั้นอีกด้วย
มาดูกันดีกว่าว่าหัวหน้าลักษณะแบบไหนอีกบ้าง ที่พนักงานลงความเห็นว่าเป็นสิ่งที่ทำให้รู้สึกถึง ‘ความไม่จริงใจ’
- ขาดความโปร่งใส (72%) ปิดบังข้อมูลที่พนักงานควรรู้ ตัดสินใจโดยที่ไม่ยอมอธิบายเหตุผล
- ความไม่สม่ำเสมอ (66%) พูดอย่างทำอย่าง กลับกลอกคำพูดไปมา
- หลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ (44%) ไม่ยอมรับความผิดพลาดของตนเอง โยนความผิดให้ผู้อื่น
- เพิกเฉยต่อความเป็นอยู่ของพนักงาน (30%) ให้ความสำคัญกับผลงานและกำไร โดยไม่ใส่ใจใยดีคนทำงาน
- จัดการควบคุมมากเกินไป (28%) จากการไม่ไว้วางใจความสามารถของพนักงาน
- ลำเอียง เล่นพรรคเล่นพวก (22%) ปฏิบัติต่อพนักงานแต่คนอย่างไม่เท่าเทียมกัน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา