Rever หวังยอดขาย BYD สิ้นปี 2023 แตะ 50,000 คัน ข่าวควันกระทบยอดเล็กน้อย ดึงคาร์บอนเครดิตจูงใจ

บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด หรือ Rever หวังยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า BYD ในประเทศไทยสูงสุดที่ 50,000 คัน Dolphin ตัวเริ่มต้นขายดี Atto3 เร่งเติมสินค้า พร้อมรอมีรุ่นใหม่ให้เลือก เผยข่าวเรื่องรถมีปัญหาควันออกมากระทบยอดขายเล็กน้อย เตรียมดึงนโยบายขับรถยนต์ไฟฟ้าได้คาร์บอนเครดิตไปซื้อสินค้า และบริการต้นปี 2024

BYD

Rever ตั้งเป้ายอดขาย BYD 50,000 คัน

ประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด หรือ Rever เล่าให้ฟังว่า ในปี 2023 บริษัทตั้งเป้ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ BYD สูงสุดที่ 50,000 คัน เนื่องจากปัจจุบันทำยอดขายได้ราว 20,000 คัน และสิ้นปีจะปิดยอดขาย 40,000 คันได้

“เป้าจริงปี 2023 ของอยู่ที่ 50,000 คัน เพราะเราคิดว่าเวลาที่เหลืออีกราว 20,000 คันมันทำได้แน่นอน ยิ่งกระแสของรุ่น Dolphin ตัวเริ่มต้น (Standard Range) ขายค่อนข้างดี และ Atto 3 เราได้เจรจากับ BYD เพื่อนำสินค้าสียอดนิยมเข้ามาจำหน่ายเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่จองมาก่อนหน้านี้ และลูกค้าที่กำลังตัดสินใจซื้อแต่ติดปัญหาเรื่องสี”

ปัจจุบัน Rever จำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า BYD 2 รุ่นประกอบด้วย Atto 3 ราคาเริ่มต้น 1,099,900 บาท มีสียอดนิยมคือสีขาว อ้างอิงจากข้อมูลลูกค้า 60% ต้องการซื้อสีดังกล่าว กับ Dolphin ราคาเริ่มต้น 699,999 บาท ซึ่งรุ่นดังกล่าวมียอดจำหน่ายต่อวันมากกว่า Atto 3 แล้ว

ข่าวควันออกจาก BYD Atto 3 กระทบยอดเล็กน้อย

เมื่อต้นเดือน ก.ย. 2023 มีข่าวผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า BYD รุ่น Atto 3 ชาร์จไฟที่จังหวัดอุดรธานี และระหว่างชาร์จมีควันพุ่งออกมาจากตัวรถ ประธานวงศ์ เผยว่า ข่าวดังกล่าวกระทบกับยอดขายที่ชะลอลงเล็กน้อย แต่การลดลงดังกล่าวอาจมาจากกระแสการเตรียมเปิดตัวรุ่นใหม่ของ BYD ในประเทศไทยเช่นกัน

“เรื่องนี้เรามีการเปลี่ยนรถยนต์ไฟฟ้าให้ลูกค้าแล้ว และยืนยันว่าไม่มีอะไรผิดพลาดในเรื่องตัวรถที่มีควันออกมาระหว่างชาร์จ ส่วนเรื่องยอดขายยืนยันว่าไม่กระทบ เพียงแค่ชะลอลงนิดหน่อย ซึ่งลูกค้าอาจอยู่ระหว่างรอรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ของเราด้วย”

BYD อยู่ระหว่างเดินหน้าสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยให้เสร็จภายในเดือน มิ.ย. 2024 กำลังผลิตสูงสุด 150,000 คัน โดยมีรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Dolphin เป็นรุ่นแรกที่ถูกผลิตที่ประเทศไทย โดยปัจจุบันโครงสร้างต่าง ๆ เริ่มเสร็จสมบูรณ์ และอยู่ระหว่างนำเข้าอุปกรณ์การผลิตต่าง ๆ เข้ามา

BYD
ประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด

นำคาร์บอนเครดิตมาจูงใจลูกค้า

ล่าสุด Rever เตรียมเดินหน้าโครงการ Reverlution ที่ให้ผู้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า BYD ในประเทศไทยสามารถได้รับคาร์บอนเครดิตจากการขับขี่รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นต่าง ๆ ของแบรนด์ โดยคาร์บอนเครดิตที่ได้จะนำไปแลกเปลี่ยนเป็นค่าบริการชาร์จที่สถานีชาร์จ Reversharger ในเครือบริษัท รวมถึงซื้อสินค้า และบริการในชีวิตประจำวันอื่น ๆ

เบื้องต้นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า BYD ในประเทศไทยต้องกดยินยอมให้บริษัทเก็บข้อมูลผ่านแอปพลิเคชัน Rever และเมื่อนำรถยนต์ไฟฟ้าเข้าไปที่ศูนย์บริการ บริษัทจะเก็บข้อมูลระยะทางขับขี่กี่ กม. จากนั้นบริษัทจะคำนวณ และคืนคาร์บอนเครดิตกลับไปให้เจ้าของรถยนต์ แต่ยังไม่มีอัตราแลกเปลี่ยนชัดเจนว่าขับขี่กี่ กม. ได้คาร์บอนเครดิตเท่าไร

การคำนวณคาร์บอนเครดิตจะเกิดขึ้นครั้งแรกช่วงต้นปี 2024 และจะทำ 2 ครั้ง/ปี โดยบริษัทจะรับผิดชอบเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนที่เป็นธรรม โดยปัจจุบันมีผู้ใช้ BYD ในประเทศไทยลงทะเบียนเข้าโครงการดังกล่าว 30% จากทั้งหมด และหลังจากการคืนคาร์บอนเครดิตให้ผู้ใช้ในต้นปี 2024 มีโอกาสที่ลูกค้าทุกรายจะลงทะเบียนเข้าโครงการนี้

มองรถยนต์ไฟฟ้าไม่แข่งดุ แต่ช่วยกันกินสันดาป

ประธานวงศ์ ย้ำว่า ภาพรวมตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยมีผู้เล่นหลากหลายเข้ามาทำตลาด รวมถึงตั้งโรงงานผลิตอย่างเป็นทางการ แต่เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ใช่การแข่งขัน แต่เป็นการร่วมมือกันเพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาดรถยนต์จากรถเครื่องยนต์สันดาปภายใน และแข็งแกร่งไปด้วยกัน

ส่วนกรณีการยุติของนโยบายการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าจากรัฐบาลไทย ประธานวงศ์ เชื่อว่า หลังจากนี้จะมีการสนับสนุนเช่นเดิม เพียงแต่อาจมีการปรับปรุงเรื่องรายละเอียด เพราะรัฐบาลไทยต้องการลดการปล่อยคาร์บอน ซึ่งเรื่องดังกล่าวยังไม่กระทบกับภาพรวมยอดจำหน่าย BYD ของ Rever

Rever มีการร่วมทุนกับ Sharge เพื่อปรับสถานีชาร์จของบริษัทดังกล่าวเป็น Reversharger โดยคาดว่าสิ้นปี 2023 จะมีทั้งหมด 1,110 จุด และสถานีชาร์จดังกล่าวจะให้บริการกับรถยนต์แบรนด์อื่น ๆ เช่นเดิม เพียงแต่เปลี่ยนภาพลักษณ์ และเตรียมปรับแอปพลิเคชันการใช้งานให้ไปอยู่บน Super App ของ Rever ในอนาคต

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา