เผยเบื้องหลัง “บางแสน10” หนึ่งหมุดหมายงานวิ่งมาตรฐานโลกระดับ World Athletics Elite Label

หากจะพูดถึงงานวิ่งในประเทศไทย งานวิ่งที่บางแสน ถือเป็นจุดหมายแรกๆ ที่เหล่าบรรดานักวิ่งชาวไทยต้องมาคว้าเหรียญให้ได้สักครั้งในชีวิต แต่กว่าที่ผู้จัดงานจะจัดงานวิ่งที่ได้รับการรับรองมาตรฐานโลกจาก World Athletics ในแต่ละงาน ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อย่างแน่นอน เราจะพามารู้จักเบื้องหลังการจัดงานวิ่ง “บางแสน10” หนึ่งในงานวิ่งอันดับต้นๆ ของไทย และยังคว้าการรับรองมาตรฐานโลกจาก World Athletics ระดับ Elite Label

รัฐ จิโรจน์วณิชชากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมซ์ แอนด์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด – Race Director ผู้จัดงานวิ่ง บางแสน10 เปิดเผยว่า บางแสน10 ถือเป็นงานวิ่งที่ทางเราได้รับมาตราฐานระดับโลกจาก World Athletics ระดับ Elite Label ตั้งแต่ปี 2023 ซึ่งงานวิ่งระดับโลก ต้องได้รับการรับรองจากทาง World Athletics ซึ่งเป็นองค์กรที่กำกับดูแล กฎ กติกา การแข่งขันของงานวิ่งทุกแบบ

“งานวิ่งรูปแบบถนน ทาง World Athletics แบ่งออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่ Platinum Label, Gold Label, Elite Label และ Label Road Races (ระดับทั่วไป) ในแต่ละระดับจะมีเกณฑ์การประเมินที่เข้มงวดในหลายๆ ด้าน เช่น

  • การจัดการแข่งขัน: การปิดการจราจร ความปลอดภัยของนักวิ่ง การบริการทางการแพทย์ จุดให้น้ำ บริการห้องสุขา
  • ระบบที่แม่นยำ: การวัดระยะทาง การเข้าเส้นชัย มาตราฐานระดับ World Athletics
  • การมีนักวิ่งอีลิทระดับโลกเข้าร่วม: ยกระดับการแข่งขัน และสร้างสถิติในงานให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
  • การต่อต้านการใช้สารต้องห้าม: มีมาตรการที่เข้มงวดในการสุ่ม ตรวจจับและป้องกัน
  • Sustainability: การมีส่วนร่วมต่อชุมชน ความยั่งยืนเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ปัจจุบันทั่วโลกมีงาน Platinum Label 17 งาน, Gold Label 45 งาน, Elite 61 และทั่วไป 164 งาน จากงานวิ่งทั่วโลกที่มีมากกว่าหลักแสนงาน สำหรับประเทศไทย หากไม่นับในระดับทั่วไป สามารถคว้างานวิ่งระดับมาตราฐาน Platinum Label ได้หนึ่งงาน คือ บางแสน21 นับว่าเป็นงานเดียวในอาเซียน ส่วนระดับ Gold Label คืองาน บุรีรัมย์ มาราธอน และ Elite Label สองงาน ได้แก่ บางแสน10 และบางแสน42 ชลบุรีมาราธอน นอกจากนี้ ไทยยังมีอีก 12 งานวิ่ง ที่ได้รับมาตรฐานระดับเลเบิล (เขียว) ทำให้ไทยเป็นประเทศที่มีงานมาตรฐาน ถึง 15 งาน นับเป็นอันดับที่ 4 ต่อจาก จีน สเปน และสหรัฐอเมริกา

งานระดับ Platinum ที่จัดขึ้นในโลกล้วนเป็นงานชื่อดัง เช่น บอสตันมาราธอน โตเกียวมาราธอน ลอนดอนมาราธอน การที่บางแสน21 เป็น 1 ใน 17 งานดังกล่าว ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมากในเวทีการจัดงานวิ่ง รวมถึงบางแสน21 ได้รับการบันทึกว่า เป็นงานฮาล์ฟมาราธอน งานแรกของโลกกับมาตรฐานแพลทินัม”

ภาพรวมนักวิ่งลดลง แต่ยังไม่เท่าโควิด

ในสภาพเศรษฐกิจในปีนี้ผู้จัดงานวิ่งอย่าง รัฐ มองว่าได้รับผลกระทบอยู่พอสมควร เนื่องจากงานวิ่งในแต่ละครั้ง นักวิ่งต้องใช้จ่ายทั้งเรื่องค่าสมัคร ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ซึ่งค่อนข้างสูงพอสมควร หลายๆ คนที่เป็นนักวิ่งขาประจำอาจจะงดเข้าร่วมการวิ่งในปีนี้ แต่เราโชคดีที่ได้กลุ่มนักวิ่งหน้าใหม่ๆ กลุ่มอายุ 20-30 ปีที่มีไลฟ์สไตล์รักสุขภาพเข้ามาทดแทน ทำให้ภาพรวมวงการวิ่งยังเติบโตได้ แต่ยังไม่ได้กลับไปเท่ากับช่วงก่อนโควิด

default

ในส่วนของงานขนาดใหญ่ที่จัดต่อเนื่องมานาน จะไม่ค่อยได้ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ เนื่องจากมีนักวิ่งแฟนคลับกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน นักวิ่งที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ มักจะลดจำนวนงานที่เข้าร่วม แต่ยังเลือกที่จะร่วมวิ่งในงานขนาดใหญ่ที่ตนเองชื่นชอบ งานวิ่งกลุ่มนี้จึงไม่ได้รับผลกระทบ แต่สิ่งที่น่าจะเป็นปัญหาต่อทั้งอุตสาหกรรมการจัดงานวิ่งคือ หลังโควิด ต้นทุนในการจัดงานสูงขึ้น หลายส่วน แต่ไม่สามารถปรับราคาค่าสมัครได้มาก อันเนื่องมาจากภาวะทางเศรษฐกิจ

คาดสร้างเม็ดเงินสะพัดในพื้นที่กว่า 500 ล้านบาท

สสปน หรือ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) คาดการณ์งานวิ่งระดับประมาณหนึ่งหมื่นคนพบว่า จะมีเม็ดเงินหมุนเวียนในแต่ละครั้งกว่า 500 ล้านบาท มาจากพฤติกรรมของนักวิ่งที่มักจะมาพร้อมกับครอบครัว ผู้ติดตาม หรือเพื่อนๆ มีการเดินทางข้ามจังหวัด ต้องการที่พักที่สะดวกสบาย และอยากชิมอาหารร้านดัง ร้านอร่อยในท้องถิ่น ในการศึกษาพบตัวเลขที่น่าสนใจคือ ยิ่งมาไกล ยิ่งอยู่นาน ยิ่งวิ่งระยะไกล ยิ่งจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น รวมถึงกลุ่มที่มีศักยภาพมากในอนาคตคือ นักวิ่งจากต่างประเทศ ซึ่งกลุ่มนี้ นอกจากจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับพื้นที่จัดงานแล้ว ยังจะไปเที่ยวต่อยังจังหวัดข้างเคียง สร้างรายได้ให้กับประเทศได้อีกมาก

ร่วมมือกับเอกชน สร้างงานวิ่งอย่างยั่งยืน

งานบางแสน10 ถือเป็นงานที่ให้ความสำคัญและคำนึงถึงความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม จะสำเร็จไม่ได้ หากไม่ได้รับความร่วมมือจากเอกชน โดยในปีนี้ เราจับมือร่วมกับ บริษัท บรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม จำกัด (มหาชน) ในการนำผลิตภัณฑ์ “Gracz” ผลิตแก้ว จาน ชามกระดาษจากวัสดุธรรมชาติที่สามารถย่อยสลายได้มาใส่น้ำดื่มให้บริการนักวิ่งที่จุดบริการในเส้นทาง และใส่อาหารที่โซนอาหารหลังเส้นชัย รวมกว่า 100,000 ใบ และต่อยอดสู่ปลายทางผ่านโครงการ “จากแก้ว…สู่กล้า” โดยทุกแก้วของ Gracz ในงานวิ่งบางแสน10 จะถูกแปรสภาพเป็นปุ๋ยบำรุงต้นไม้ เพาะชำกล้าไม้ ผลิตไบโอแก๊สและสร้างน้ำหมักชีวภาพ เพื่อหมุนเวียนกลับคืนสู่โลกอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ ในส่วนของน้ำดื่มที่บริการนักวิ่ง เราจับมือกับ อลูมิเนียมลูป ในการผลิตน้ำดื่มบรรจุในกระป๋องอลูมิเนียมด้วยลวดลายธีมงานบางแสน10 ซึ่งสามารถนำมาหลอมรีไซเคิลกลับมาใช้งานได้อีกทั้งใบ หมุน เวียนได้ไม่สิ้นสุด ไม่กลายเป็นขยะที่จะสร้างมลภาวะให้กับโลก ส่วนขยะอื่นๆ ในงาน ไม่ว่าจะเป็นพลาสติก กระดาษ โลหะ รวมถึงขยะเปียกต่างๆ เรามีพาร์ทเนอร์ที่จับมือกันมานานอย่าง แพลนเน็ตซี ที่จะมาช่วยแยกขยะหลังงาน และนำไปเข้าสู่กระบวนการใช้ซ้ำหรือกำจัดอย่างถูกวิธี ตามแผนการจัดการด้านความยั่งยืน Zero Waste to Landfill ของงานบางแสนซีรีส์

นัดวิ่งอีลิทระดับโลก คว้าชัยไปครอง

ในงานนี้มีนักวิ่งร่วมเข้าแข่งขันกว่า 12,000 คน แชมป์โอเวอร์ออลฝ่ายชายตกเป็นของ เบเรเก็ท เนกา เบ็ทเทโบ นักวิ่งระดับโลกชาวเอธิโอเปียเข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 1 ด้วยเวลา 29:03 นาที ตามติดมาด้วยเพื่อนร่วมชาติชาวเอธิโอเปีย อาดิสุ เนกัช วาเก คว้าอันดับ 2 ด้วยเวลา 29:04 นาที และอันดับ 3 เป็นของ เวลดอน คิปคิรุย ลานกัต จากเคนยา ด้วยเวลา 29:06 นาที

ส่วนแชมป์โอเวอร์ออลฝ่ายหญิง เป็นของ โลอิซ เชมนุง นักวิ่งสาวชาวเคนยา ด้วยเวลา 31:26 นาที ซึ่งเป็นเวลาที่ทำลายสถิติ 10K ของอาเซียนลงได้สำเร็จ อันดับ 2 กูเตเน ชันโคะ นักวิ่งสาวจากเอธิโอเปียด้วยเวลา 32:50 นาที ตามติดด้วยเพื่อนร่วมชาติ ชาวเอธิโอเปีย เมห์เร็ต เกเมดา คว้าอันดับ 3 ด้วยเวลา 32:53 นาที

ด้านนักวิ่งไทย มังกร-พงศกร สุขสวัสดิ์ นักวิ่งทีมชาติไทยชุดซีเกมส์กัมพูชา วิ่งแซงเข้าเส้นชัยในช่วงสุดท้ายครองตำแหน่งแชมป์ชาวไทย ด้วยเวลา 32:37 นาที ขณะที่ ปารียา สนเส็ม ครองแชมป์นักวิ่งชาวไทยฝ่ายหญิงอีกสมัยทำลายสถิติตัวเองด้วยเวลา 38:24 นาที

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา