สถานการณ์ธุรกิจค้าปลีกของโลกอยู่ในภาวะชะลอตัวลงในปี 2563 แต่ค้าปลีกภูมิภาคเอเชียกลับโตวันโตคืน ปีหน้ายอดขายจะมีสัดส่วน 45% ของยอดขายค้าปลีกทั่วโลก หรือเป็นอันดับ 1 นั่นเอง
ภาพรวมธุรกิจค้าปลีกของโลกปี 2563 มีแนวโน้มว่ายอดขายในเชิงปริมาณจะชะลอตัวลงอย่างมาก เมื่อเทียบกับปี 2562 แต่ในแง่ของมูลค่ากลับมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น ความแตกต่างนี้จะสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มความถี่ในการซื้อสินค้าลดลง แต่ต้องการซื้อสินค้าที่มีมูลค่าสูงขึ้น
ส่วนสถานการณ์ค้าปลีกในเอเชีย ยอดขายจะมีอัตราการเติบโตคิดเป็นสัดส่วน 45% ของยอดขายค้าปลีกทั่วโลก แต่ภูมิภาคเอเชีย ยังมีปัจจัยลบหรือเรียกว่าเป็นภัยคุกคามต่ออุตสาหกรรมอยู่หลายประการ
- สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา – จีน ซึ่งยังไม่มีความแน่นอนและสร้างความหวาดวิตกไปทั่วโลก
- Brexit ปัญหาเรื้อรังที่กดดันตลาดการลงทุนในสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักรมาอย่างยาวนาน ซึ่งความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นนั้นเป็นผลมาจากการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป จะหมายถึงความเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม
- การประท้วงในฮ่องกง
- ธุรกิจค้าปลีกต้องปรับตัวรับมือการค้าบนโลกออนไลน์ คาดว่าจะมีการปิดสาขาและลดจำนวนงานมากขึ้นในเอเชีย
การค้าปลีกออนไลน์จะยังคงบ่อนทำลายความสามารถในการแข่งขันของร้านค้าปลีก ทั้งห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าในปี 2563 การเติบโตของค้าปลีกออนไลน์จะได้รับแรงหนุนจากแอปโซเชียลมีเดีย เช่น TikTok และ Instagram รวมถึงระบบชำระเงินดิจิตอลที่ดีขึ้น
สรุป
ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกและผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค จะต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะการรับมือกับธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ ซึ่งขณะนี้หลากหลายประเทศ ทั้งห้างประเทศไทยและเกาหลี ต่างปรับตัวมุ่งสร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งอย่างไร้รอยต่อ ให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์และออฟไลน์ และขณะเดียวกันก็สร้างสรรค์กิจกรรมเพื่อดึงดูดให้คนมาช้อปปิ้งภายในห้างและใช้ชีวิตอยู่ในห้างนานขึ้น แต่จะสามารถต้านกับกระแสออนไลน์ที่มาแรงได้หรือไม่ต้องรอดูในอนาคตกันต่อไป
ข้อมูล: https://insideretail.asia
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา