หลังจากที่ไวรัสระบาดหนักทั่วโลก ส่งผลให้สินค้าที่เกี่ยวกับการป้องกันโรคโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็น หน้ากากอนามัย
เจลฆ่าเชื้อ แอลกอฮอลล์ ถุงมือยางมีราคาแพงขึ้น ซึ่งก็มีสาเหตุมาจากสินค้าขาดแคลนเพราะตลาดมีความต้องการสูงมากรวมถึงการกักตุนสินค้า
ด้วยเหตุนี้จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นการออกกฎหมายใหม่ ใครที่มีการกระทำเข้าข่ายนี้ จะต้องโทษจำคุกเป็นเวลา 1 ปี หรือปรับเงินเป็นจำนวน 1 ล้านเยน หรือทั้งจำทั้งปรับ เพื่อป้องกันการกักตุนสินค้าเพราะหวังผลกำไรในขณะที่สินค้าขาดแคลน มีผลวันที่ 15 มีนาคม

กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมระบุ ตัวแทนจำหน่ายหน้ากากอนามัยจะต้องขายสินค้าในราคาที่ต่ำเพื่อกระจายสินค้าให้ประชาชนได้รับทั่วถึงเท่ากันหมด กฎหมายนี้ถูกปรับจากฉบับที่ใช้สำหรับเป็นมาตรการฉุกเฉินซึ่งเคยบังคับใช้เมื่อปี 1973 เพื่อตอบสนองหรือจัดการคนที่ซื้อของเพราะความตระหนก (panic buying ซื้อของด้วยความตระหนก ซื้อสินค้าด้วยความกลัว ทำให้ซื้อสินค้าแบบกักตุน เพราะกลัวว่าสินค้าจะขาดแคลน กฎหมายฉบับนี้เคยใช้ตอนที่เกิดวิกฤตน้ำมัน)
ส่วนสินค้าอื่นที่ยังไม่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ก็อาจมีการควบคุมราคาถ้าจำเป็น นอกจากนี้ กระทรวงเศรษฐกิจฯ ยังได้ขอให้บริษัทอีคอมเมิร์ซทั้งหลายระงับการประมูลซื้อหน้ากากอนามัยออนไลน์ชั่วคราว เริ่มวันที่ 14 มีนาคม ขณะที่ Shinzo Abe นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นให้คำมั่นว่าจะพยายามเร่งผลิตหน้ากากอนามัยให้ได้ถึง 600 ล้านชิ้นต่อเดือน โดยมุ่งเป้าไปที่การจัดหาให้แก่หน่วยงานด้านพยาบาลหรือหน่วยงานที่ต้องให้การดูแลเป็นพิเศษก่อน
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในปัจจุบันยังไม่สามารถผลิตได้รวดเร็วตามที่ต้องการ ปัญหากักตุนสินค้าทำให้ราคาสินค้าสูงมากเกินไป ล่าสุด ในญี่ปุ่นมีการประมูลหน้ากากอนามัยในโลกออนไลน์จนทำให้ราคาดีดตัวสูงขึ้นมาก โดย Hiroyuki Morota สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากจังหวัดชิซึโอกะ เพิ่งจะออกมาขอโทษหลังปล่อยหน้ากากอนามัยที่บรรจุกล่องละ 2,000 ชิ้นมาขายออนไลน์จนทำเงินได้มากถึง 8.9 ล้านเยน หรือประมาณ 2.6 ล้านบาท ตกกล่องละ 30,000 เยนไปจนถึง 170,000 เยน หรือประมาณ 9,044 บาทถึง 51,250 บาท
ที่มา – Japan Today, Kyodo News
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา