ทำไมอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะคอนโดมีเนียมในระดับ Super Luxury ถึงขายดี ขายหมดไวกว่าเพื่อน แสนสิริ หนึ่งในผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ บอกว่า เพราะความต้องการ (demand) มีมากกว่าสินค้า (supply) ทำและที่ดิน ในย่านที่เป็น Super Luxury มีอยู่น้อย และเมื่อนำมาสร้างคอนโดฯ ที่หรูหราด้วยส่วนประกอบที่ดีที่สุดจากทั่วโลก อยู่ในห้างสรรพสินค้า สวนสาธารณะ ติดรถไฟฟ้า ทั้งหมดทำให้ราคาสูงขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา
แต่ทุกคนก็ยังอยากเป็นเจ้าของ พร้อมกับมีผลการสำรวจ คอนโด Super Luxury จากทั่วโลกมาเปรียบเทียบกับในไทยให้เห็นภาพว่า คอนโดที่มีราคา 300,000 บาทต่อ ตร.ม. ขึ้นไป จึงยังขายดี
อสังหาริมทรัพย์ไทย มีจุดแข็งไม่แพ้ประเทศอื่น
อุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ของ แสนสิริ บอกว่า เทียบกับประเทศในอาเซียน ประเทศไทยมีความได้เปรียบอยู่ทั้ง ที่ตั้งของประเทศ ความพร้อมด้านสาธารณูปโภคและการคมนาคม ความพร้อมด้านอาหาร ท่องเที่ยวและการแพทย์ มีโครงการเปิดขายมากกว่า
และถ้าเทียบกับหลายประเทศทั่วโลกจะพบว่า ไทยมีราคาคอนโดมีเนียมที่ดึงดูดใจอยู่ไม่น้อย
และถ้าเปรียบเทียบในคอนโดระดับ Super Luxury เหมือนกันจากทั่วโลก พบว่า ราคาสูงกว่าไทย 2-6 เท่า การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในไทยจึงคุ้มค่ากว่า เมื่อเทียบราคา 70 ล้านบาท ได้พื้นที่ 121 ตร.ม. ขณะที่เมืองอื่นๆ เช่น ฮ่องกง 40 ตร.ม., นิวยอร์ค 52 ตร.ม., ลอนดอน 60 ตร.ม., สิงคโปร์ 86 ตร.ม. และปักกิ่ง 116 ตร.ม.
เมื่อพิจารณาในช่วงระยะเวลา 6 ปีหลังสุด (2011-2016) พบว่า ราคาขายคอนโดมิเนียมระดับ Super Luxury มีการปรับสูงขึ้น 65% โดยทำเลที่ได้รับความสนใจอย่างมากคือ สาทรและวิทยุ และที่ดินที่จะใช้พัฒนาโครงการใหม่ แทบจะไม่มีเหลืออีกแล้ว ดังนั้น การเลือกทำเลและการลงทุนในคอนโด Super Luxury จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า รวมถึงโครงการ 98 WIRELESS ด้วย
ที่ดินทำเลทองปรับขึ้น ต้นทุนก่อสร้างปรับขึ้น ยิ่งคุ้ม!
ปัจจัยที่มีผลต่อราคาขายของคอนโดมีเนียมในแทบทุกระดับ คือ ราคาที่ดิน, ต้นทุนการก่อสร้าง และการเลือกใช้วัสดุ ยิ่งในย่านทำเลที่มีมูลค่าสูง สำหรับในไทย เช่น ถนนวิทยุ, อโศก, เอกมัย, สีลม เป็นย่านที่ราคาปรับตัวขึ้นทุกปี โดยในช่วง 5-6 ปี ราคาที่ดินในทำเลเหล่านี้ปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 42% (อ้างอิงจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สำนักงานใหญ่) ล่าสุดที่มีการซื้อขายคือ ที่ดินสถานฑูตอังกฤษ 25 ไร่ปัจจุบันเป็น ศูนย์การค้า Central Embassy ราคาประมาณ 2 ล้านบาทต่อ ตร.วา
ยิ่งเมื่อรวมกับปัจจัยด้านต้นทุนการก่อสร้าง โดยเฉพาะการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ในปี 2012 ทำให้ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นในรอบ 5-6 ปีนี้ เฉลี่ย 21.5% และยังมีปัจจัยอื่นๆ เช่น ที่ดินที่มีอยู่จำกัด, สิ่งอำนวยความสะดวกภายในที่พัก และความต้องการที่เพิ่มขึ้น
อุทัย บอกว่า ถ้านับราคาในปัจจุบัน 98 WIRELESS จะมีราคาประมาณ 700,000 บาทต่อ ตร.ม. แต่ราคาขายปัจจุบันอยู่ที่ 580,000 ต่อ ตร.ม. และเหลืออยู่ประมาณ 30 ยูนิต และไม่เหลือยูนิต Pen House 3 ห้องที่ขายหมดไปก่อน (ราคา 666,666 ต่อ ตร.ม.) ยิ่งสะท้อนว่า ผู้บริโภคเข้าใจถึงความคุ้มค่านี้ และเชื่อว่าปีนี้ จะขายได้หมดแน่นอน
อะไรทำให้ 98 WIRELESS เป็นคอนโดที่แพงที่สุดในไทย
นอกจากทำเลที่ตั้ง ราคาที่ดิน การคัดเลือกวัสดุอุปกรณ์ในโครงการและพื้นที่ส่วนกลาง การออกแบบสไตล์โบซาร์ (Beaux-Arts) ที่คลาสสิคสวยงาม และยังเป็นโครงการที่พักอาศัยแห่งแรกในประเทศไทย ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานตามหลักเกณฑ์การประเมินอาคารเขียวของสหรัฐอเมริกา (LEED: Leadership in Energy and Environmental Design)
ส่วนสำคัญอีกประการคือ 98 WIRELESS เหมาะกับการลงทุนในระยะยาวและส่งต่อให้รุ่นต่อไป โดยผู้ซื้อสามารถถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินได้ (Freehold) ซึ่งหาได้ยากมากบนถนนวิทยุ รวมถึงบริการพิเศษแบบ exclusive เช่น
- ครั้งแรกกับบริการผู้ช่วยส่วนตัวประจำโครงการจาก Quintessentially ที่มีชื่อเสียงระดับโลก
- รถ ‘เบนท์ลี่ย์’ ที่สั่งทำเป็นพิเศษ มาเพื่อเป็นรถลิมูซีนประจำโครงการให้ผู้พักอาศัยทุกยูนิตสามารถใช้บริการได้
- บริการจอดรถแบบ Valet Parking รวมถึงที่จอดรถใต้ดินที่รองรับได้ 240% และที่จอดรถสำหรับซูเปอร์คาร์
- บริการลิฟต์ส่วนตัวพร้อมโถงลิฟท์สำหรับทุกยูนิต และระบบการควบคุมการสั่งงาน Home Automation
- บริการพิเศษอื่นๆ ภายใต้รูปแบบ Home Service Application
สรุป
ไม่น่าแปลกใจทำไมคอนโดระดับ Super Luxury รวมถึง 98 WIRELESS จะขายหมดได้ไม่ยากเย็นนัก ปัจจุบันเหลือประมาณ 30 ยูนิต โดยยูนิตที่ขายหมดก่อนคือยูนิตที่ราคาสูง ที่สำคัญคือ ส่วนใหญ่เป็นคนไทยซื้อ แสดงว่า ความต้องการในตลาดบนยังมีอยู่มากพอ และกำลังซื้อของคนรวย ยังมีอยู่อีกมาก
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา