ผลวิจัยจาก Centre for Economics and Business Research ระบุว่า ขนาดเศรษฐกิจของจีนจะใหญ่แซงหน้าสหรัฐอเมริกาได้ภายในปี 2028 เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ในปีก่อนถึง 5 ปี
เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวได้เร็วจากผลกระทบกระทบโควิด-19 ระบาด ทำให้ปี 2020 มีเศรษฐกิจเติบโต 2% ขณะที่สหรัฐอเมริกานั้น ปีนี้คาดว่าเศรษฐกิจหดตัวอยู่ที่ 5% โดยรวมแล้วจีดีพีโลกปีนี้น่าจะลดลงอยู่ที่ 4.4%
Douglas McWilliams รองประธาน CEBR กล่าวว่า ข่าวใหญ่ของการคาดการณ์ตอนนี้คือความเร็วจากการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน จากแผนพัฒนาเศรษฐกิจจีนห้าปี (2020-2025) คาดว่าจีนจะกลายเป็นประเทศเศรษฐกิจรายได้ระดับบนได้ (ปัจจุบันเศรษฐกิจจีนอยู่ในขั้นปานกลางระดับบน ระดับเดียวกับไทย) และคาดว่าจะแซงสหรัฐฯได้ด้วย
ปี 2000 เศรษฐกิจจีนคิดเป็นสัดส่วน 3.6% ของจีดีพีโลก แต่ในปี 2019 เพิ่มขึ้นมาถึง 17.8% เป็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องและคิดว่ารายได้ต่อหัวจะเพิ่มเป็น 12,536 เหรียญสหรัฐได้ และจะกลายเป็นประเทศรายได้ระดับสูงภายในปี 2023 อย่างไรก็ดี มาตรฐานการดำรงชีวิตในจีนยังอยู่ระดับต่ำกว่าสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ ในยุโรปค่อนข้างมาก ในสหรัฐฯ มีรายได้ต่อหัวอยู่ที่กว่า 63,000 เหรียญสหรัฐ ขณะที่อังกฤษกว่า 39,000 เหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ CEBR กล่าวว่า การออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ ทำให้ในอีก 15 ปีข้างหน้า อังกฤษอาจจะไม่สามารถประคองสถานะประเทศเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลกเหมือนอย่างปี 2020 ได้อีกต่อไป มีการคาดการณ์ว่า อังกฤษจะเติบโตต่อปีอยู่ที่ 4% ช่วงปี 2021-2025 และจะเติบโตเพียง 1.8% ต่อปีนับจากปี 2026-2030 และจะเติบโตอัตราเดียวกันนี้จนถึงปี 2035
อังกฤษเคยถูกประเมินว่าจะถูกเศรษฐกิจของอินเดียแซงหน้าได้ภายในปี 2024 และคาดว่าอินเดียซึ่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกจะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกได้ภายในปี 2035
นอกจากนี้ ประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อมจะเริ่มส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจโลก หลายประเทศจะวางแผนเปลี่ยนมาปล่อยก๊าซคาร์บอนให้เป็นศูนย์เร็วขึ้นในทศวรรษถัดไป ทำให้ความต้องการพลังงานฟอสซิลลดลง ส่งผลให้ราคาน้ำมันตกต่ำ ราคาน้ำมันดิบจะต่ำกว่า 30 เหรียญสหรัฐในปี 2035
ที่มา – The Guardian
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา