ศาสตราจารย์ Stanford มอง คนทำงานที่บ้านแบบ 100% มีความเสี่ยงสูงสุดที่จะถูกแทนที่ด้วย AI

ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ดให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Bloomberg มอง พนักงานที่สามารถทำงานที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องเข้าออฟฟิศเลย อาจเจอปัญหาใหม่เรื่องการถูก AI เข้ามาแทนที่

Nicholas Bloom ศาสตรจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ผู้ศึกษาการทำงานแบบ Hybrid Work เผยแพร่งานวิจัยพบว่า ในปัจจุบัน 60% ของพนักงานชาวอเมริกันและยุโรปตอนเหนือไม่มีตัวเลือกทำงานที่บ้านอย่างเช่นคนที่ทำอาชีพรับจ้างขับรถหรือพนักงานร้านอาหาร ขณะที่อีก 30% สามารถเข้าออฟฟิศสลับกับการทำงานที่บ้าน ซึ่งส่วนใหญ่สามารถทำงานที่บ้านได้ 2 วันต่อสัปดาห์ ส่วน 10% ที่เหลือสามารถทำงานที่บ้านได้แบบ 100% 

Bloom พูดถึงแนวคิดเรื่องสถานที่ในการทำงานกับอิทธิพลของ AI ว่า พนักงานที่ทำงานที่บ้านได้แบบ 100% กำลังเผชิญความเสี่ยงที่จะสูญเสียงานให้กับเทคโนโลยีมากที่สุด โดยเฉพาะถ้างานนั้นทีความซ้ำซ้อนและเป็นงานง่าย ๆ อย่างงานข้อมูล คอลเซ็นเตอร์ HR ที่ทำงานที่บ้านได้แบบ 100% ก็อาจจะถูกแทนที่ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์มองว่า AI ก็อาจจะมีข้อดีสำหรับพนักงานที่ทำงานแบบ Hybrid เพราะจะทำให้สามารถทำงานได้ Productive มากขึ้นเพราะช่วยให้งานออกแบบและงานเขียนรวดเร็วกว่าเดิม

เขาเสนอว่า ทางที่จะปกป้องตัวเองไม่ให้ถูกแทนที่ทำได้ด้วยการคือการเลือกทำงานในตำแหน่งที่จำเป็นจะต้องมีการปฏิสัมพันธ์กับผู้คนอยู่บ้าง อย่างน้อยก็เดือนละครั้ง เพราะการเจอเพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้าทุกเดือนช่วยสร้างกิจกรรมการทำงานที่ AI ทำแทนไม่ได้

การถกเถียงเรื่องที่ว่า AI จะเข้ามาแทนที่คนทำงานได้หรือไม่และขนาดไหนยังมีอยู่อย่างต่อเนื่องหลังจากที่ ChatGPT ถูกพัฒนาให้ช่วยงานมนุษย์ได้ในหลายเรื่องทั้งการเขียนโค้ด การสร้างเครื่องมือด้านการตลาดและแผนงานต่าง ๆ 

Goldman Sachs สถาบันการเงินรายใหญ่ของโลกเองก็ได้เผยแพร่การศึกษาในช่วงต้นปีที่ผ่านมาว่า AI อาจเป็นสิ่งที่สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้กับโลกของการทำงานและอาจส่งผลกระทบต่องานสูงสุดถึง 300 ล้านตำแหน่งทั่วโลก

ข้อมูลของ Pew Research ให้ผลไปในทางเดียวกันว่า พนักงานออฟฟิศเป็นกลุ่มที่มีโอกาสได้รับผลกระทบจาก AI มากที่สุดโดยเฉพาะงานวิศวกรรมฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ ผู้ช่วยทนายความ นักบัญชี และผู้ตรวจสอบบัญชีที่สามารถทำงานนอกสถานที่ได้ตลอดเวลา

ส่วนงานที่ต้องใช้แรงกายและทักษะเฉพาะตัวอย่างเช่น ช่างซ่อมบำรุง งานท่องเที่ยวและโรงแรม เกษตรกรรม สาธารณสุข ก็อาจจะมีความเสี่ยงน้อยกว่าที่จะถูกแทนที่ 

Kweilin Ellingrud ผู้อำนวยการ McKinsey Global Institute มองว่า งานที่จะรอดจาก AI ต้องเป็นงานที่ใช้แรงกายที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่คาดเดาไม่ได้และเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด เพราะถ้าเป็นงานที่ซ้ำซ้อนและคาดเดาได้ AI ก็จะสามารถทำแทนได้อยู่ดี

ที่มา – Business Insider, Bloomberg

อ่านเพิ่มเติม

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา