ต่างประเทศคืออีกทางออกของธุรกิจอสังหาฯ เมื่อสถานการณ์ในประเทศไม่มั่นคง

การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยของชาวต่างชาติมีมาระยะหนึ่งแล้ว แต่หลังจากนี้จะมีมากขึ้นแน่นอน เพราะเจ้าของโครงการต่างต้องการเงินสดจาการซื้อของชาวต่างชาติมาหมุนในช่วงก่อสร้าง ยิ่งช่วงสถานการณ์ในประเทศยังไม่นิ่ง เงินสดยิ่งจำเป็น

ภาพจาก pixabay.com
ภาพจาก pixabay.com

ต่างชาติยังชอบลงทุนในไทย

ก่อนหน้านี้ ธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไรส์ เอสเตท จำกัด เจ้าของโครงการ RISE Rama 9 บอกว่า หลังเริ่มวางแผนโครงการ และเปิดจองรอบวีไอพีเมื่อกลางปี 2559 ก็มีเอเยนซี่ที่ดูแลเรื่องการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ของชาวต่างชาติในสิงคโปร์ และฮ่องกงติดต่อเข้ามาเป็นจำนวนมาก จนปัจจุบันสามารถจำหน่ายห้องให้กับชาวต่างชาติแล้ว 40% ของทั้งหมด และสิ้นปีนี้น่าจะครบโควต้าต่างชาติ

“49% ที่เป็นโควต้าต่างชาติจะครบแน่นอน และถึงต่างชาติจะเข้ามาซื้อเราเยอะ แต่ RISE Rama 9 ก็จัดให้ชาวต่างชาติไปอยู่รวมกัน 2 ตึก จากทั้งหมด 4 ตึก เพื่อแยกแต่ละวัฒนธรรม และจริงๆ เราอยากขายคนไทยก่อน เพราะถ้าขายคนไทยเยอะ มันก็ว้าวในสายตาผู้บริโภค ในทางกลับกันกลุ่มต่างชาติเราไม่ต้องกังวลว่าเข้าจะกู้ไม่ผ่าน เนื่องจากพวกเขาซื้อสดอยู่แล้ว ช่วยป้องกันการโอนไม่ผ่านเมื่อโครงการเสร็จอีกด้วย”

_อุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บมจ.แสนสิริ
อุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บมจ.แสนสิริ

วัดใจกำลังซื้อใน – นอกประเทศพร้อมกัน

อุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บมจ.แสนสิริ ยืนยันว่า เพื่อส่งเสริมการขายทั้งใน และต่างประเทศ บริษัทจึงวางแผนเปิดจองโครงการคอนโดมีเนียมใหม่พร้อมกันในไทย และอีก 4 ประเทศคือ ฮ่องกง, สิงคโปร์, ไต้หวัน และจีน ภายใต้งาน Sansiri  Life  Comes Home 2016 ระหว่างวันที่ 4 – 6 พ.ย. ถือเป็นครั้งแรกของอสังหาฯ ไทยที่ทำแบบนี้

สำหรับโครงการใหม่ที่เปิดจองประกอบด้วย 3 โครงการคือ The Line สุขุมวิท 101, The Line พหลฯ – ประดิพัทธ์ และ KHUN by YOO นอกจากนี้ภายในงานยังนำคอนโดมีเนียม และบ้านแนวราบโครงการอื่นๆ เข้ามาจัดแคมเปญเพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ โดยตั้งเป้าเงินสะพัดของงานนี้ไว้ที่ 10,000 ล้านบาท มาจากชาวไทย 8,500 ล้านบาท และอีก 1,500 ล้านบาทมาจากการซื้อของชาวต่างชาติ

ภาพโครงการ KHUN by YOO แล้วเสร็จปี 2563
ภาพโครงการ KHUN by YOO แล้วเสร็จปี 2563

ดึงมือออกแบบระดับโลกช่วยพัฒนาโครงการ

“KHUN by YOO คือหนึ่งในโครงการเรือธงของแสนสิริ เพราะเราได้ร่วมมือกับ YOO Group ที่เป็นบริษัทออกแบบโรงแรม และอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก มาช่วยออกแบบภายใต้คอนเซ็ป Industrail Heritage พร้อมกับที่ตั้งโครงการบริเวณถนนทองหล่อ ผ่าน 148 ยูนิตในโครงการ ราคาเริ่มต้นที่ 15 ล้านบาท แล้วเสร็จปี 2563 และหลังจากนี้อยู่ระหว่างวางแผนหาพาร์ทเนอร์ในการพัฒนาโครงการให้แตกต่างจากตลาด”

ทั้งนี้ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ในประเทศไทยครึ่งปีหลังค่อนข้างมีบรรยากาศดีกว่าครึ่งแรก เพราะกำลังซื้อของผู้บริโภคเริ่มดีขึ้น ประกอบกับการเปิดตัวของโครงการต่างๆ ทำให้ตลาดนี้กลับมาคึกคักอีกครั้ง แต่ถึงอย่างไรช่วง 3 เดือนสุดท้ายก็ยังมีปัจจัยลบอยู่บ้าง แต่ แสนสิริ ยังมอนิเตอร์อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัท โดยปีนี้ตั้งเป้ารายได้ที่ 27,000 ล้านบาท จาก 9 เดือนแรกทำได้ 13,000 ล้านบาท

สรุป

การเข้าไปบุกตลาดต่างประเทศของอสังหาฯ หลายรายในประเทศไทย เป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจที่ดี และหลังจากนี้น่าจะเห็นความเข้มข้นของการทำตลาดกับลูกค้าต่างชาติแน่นอน ซึ่ง แสนสิริ ถือเป็นรายแรกที่ทำให้การทำตลาดต่างชาติกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องทำ และคาดว่าอสังหาฯ รายใหญ่ต้องลงมาเล่นตลาดนี้มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสธุรกิจใหม่

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา