จับตาธุรกิจอสังหาฯ ต้นทุนพุ่ง-กำไรหด หลังทุ่มงบระดมฉีดวัคซีนแรงงาน แก้เกมรัฐปิดแคมป์ก่อสร้าง

การก่อสร้างโครงการ 1 โครงการนั้นไม่ได้มีเพียงคนงานก่อสร้าง แต่ยังมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 20-30 ส่วนต่อ 1 ไซต์งานก่อสร้าง ดังนั้น ผลกระจากการปิดไซต์งานก่อสร้างจึงมีมากกว่าที่คิด โดยเฉพาะผลกระทบต่อการโอนกรรมสิทธิ์ และต้นทุนการเงิน โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่มีกระแสเงินสดจำกัด อาจส่งผลกระทบต่องานก่อสร้างในโครงการอื่นๆ ให้ล้มลงแบบโดมิโน

real estate

คำสั่งปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง และห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานเป็นเวลา 30 วัน ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ เพราะการที่ไซต์งานก่อสร้างจำเป็นต้องหยุดงาน 30 วัน คนงานจำนวนมากมีปัญหาจากการขาดรายได้ แม้ว่ารัฐบาลบอกว่าจะช่วยเยียวยาในส่วนของค่าจ้าง แต่ก็ไม่สามารถทดแทนรายได้ที่หายไปได้ ขณะที่ผู้ประกอบการต้องจ่ายค่าหาอาหาร น้ำดื่มต่างๆ ในช่วงที่ห้ามเคลื่อนย้ายแรงงาน

แต่ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นดังกล่าวก็ยังถือว่าเป็นส่วนน้อย เมื่อเทียบกับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากความล่าช้าของงานก่อสร้าง โดยเฉพาะโครงการที่เตรียมส่งมอบหรือโอกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าในเดือน ก..นี้ เพราะหากไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ตามกำหนดเวลา บริษัทอสังหาฯ ต้องสูญเสียรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ ซึ่งจะต้องนำไปใช้หนี้เงินกู้ และใช้หมุนเวียนงานก่อสร้างในโครงการอื่นๆ ดังนั้น การปิดแคมป์คนงานก่อสร้างครั้งนี้บริษัทที่มีโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างจำนวนมาก และบริษัทรับเหมาก่อสร้าง จึงเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด

real estate

จากการประเมินความเสียหายการสั่งปิดแคมป์คนงานก่อสร้างของนายกสมาคมอาคารชุดไทย และนายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร พบว่ามูลค่าการลงทุนในตลาดอสังหาฯต่อปีอยู่ที่ 900,000 ล้านบาท หรือมีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือนประมาณ 70,000 -80,000 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขนี้ยังไม่รวมถึงอุตสาหกรรมต้นน้ำและปลายน้ำที่ได้รับผลกระทบจากภาคธุรกิจอสังหาฯ หยุดการก่อสร้าง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมการผลิตวัสดุก่อสร้างที่อาจจะต้องมีการลดกำลังการผลิตลงเพื่อรองรับกับสถานการณ์การหยุดงานก่อสร้างของธุรกิจอสังหาฯ

ความจำเป็นเร่งด่วนของบริษัทอสังหาฯในวันนี้คือ ทำอย่างไรจะทำให้รัฐบาลอนุมัติให้เปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง ซึ่งปัญหาดังกล่าวนี้ สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรได้พยายามหาช่องทางเสนอแนะให้รัฐ ส่งหน่วยงานที่รับผิดชอบปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ลงพื้นที่ตรวจหาผู้ติดเชื้อเชิงรุก เพื่อคัดแยกผู้ติดเชื้อออกไปรักษา และออกมาตรการควบคุมคนงานในแคมป์ต่างๆ ให้ครอบคลุม และให้ปิดเฉพาะแคมป์ก่อสร้างที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก เพื่อให้แคมป์ก่อสร้างที่ไม่มีผู้ติดเชื้อเดินหน้าก่อสร้างโครงการต่างๆ ได้ ซึ่งจะช่วยลดความเสียหายต่อบริษัทอสังหาฯ

real estate

อย่างไรก็ตาม จำนวนของผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบันที่มีจำนวนสูงถึง 10,000 รายต่อวัน ประกอบกับสายพันธุ์ที่ระบาดหนักในขณะนี้คือ สายพันธุ์เดลต้า ซึ่งมีการแพร่ระบาดได้ง่ายและมีอาการรุนแรง และยังมีสายพันธุ์ เดลต้าพลัส ที่จ่อจะเข้ามาระบาดในประเทศไทย ทำให้รัฐกังลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างมาก และหากแนวโน้มการระบาดยังเพิ่มขึ้นอยู่ มีความเป็นไปได้ที่การปิดแคมป์ก่อสร้างจะขยายเวลาออกไปมากกว่า 30 วัน

ดังนั้น ทางออกของผู้ประกอบการอสังหาฯเวลานี้คือต้องแก้ปัญหาที่ต้นต่อ หรือการฉีดวัคซีนให้กับคนงานก่อสร้าง พนักงานและพันธมิตรการค้า รวมไปถึงครอบครัวคนงานก่อสร้าง ซึ่งหากบริษัทอสังหาฯสามารถดำเนินการดังกล่าวได้ ปัญหาการสั่งปิดแคมป์คนงานก่อสร้างก็จะได้รับการแก้ไขและรัฐบาลเองก็ยากที่จะหาข้ออ้างมาสั่งปิดแคมป์ก่อสร้างได้

real estate

สิ่งที่เรารู้กันดีในวันนี้คือ รัฐไม่สามารถจัดหาวัคซีนมาฉีดให้กับประชาชนในประเทศได้เพียงพอ ดังนั้นคงเป็นเรื่องจากที่รัฐจะจัดสรรวัคซีนมาฉีดให้กับแรงงานก่อสร้างในแคมป์ต่างๆ ได้อย่างทั่วถึง เพราะในแคมป์ก่อสร้างนั้นไม่ได้มีเฉพาะแรงงานคนไทย แถมส่วนใหญ่ยังเป็นแรงงานต่างด้าว จึงเป็นไปไม่ได้ที่รัฐจะยอมตกเป็นเป้าหมายการโจมตีว่านำวัคซีนมาฉีดให้กับคนต่างด้าวก่อน ในขณะที่คนไทยทั่วประเทศยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน    

ปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นในขณะนี้ บริษัทรับเหมาก่อสร้าง และบริษัทอสังหาฯ ต่างทราบดี ดังนั้นในช่วงที่ผ่านมาบริษัทขนาดใหญ่ที่มีงานก่อสร้าง และมีโครงการก่อสร้างในมือจำนวนมากๆ หลายๆ รายจึงเริ่มสั่งวัคซีนทางเลือกเข้ามาฉีดให้กับคนงานของตนเอง ซึ่งเริ่มมีการฉีดไปแล้วตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม เช่น บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นรายแรกที่ออกข่าวอย่างเป็นทางการว่าทุ่มงบกว่า 40 ล้านบาท เพื่อซื้อวัคซีนมาฉีดให้กับพนักงานและคนงาน บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท พรีบิลท์ จำกัด (มหาชน) ขณะที่หลายๆ รายอยู่ระหว่างการเจรจาสั่งซื้อวัคซีนเข้ามาฉีดให้กับพนักงานและแรงงานก่อสร้างในแคมป์ก่อสร้าง

real estate

การจัดหาวัคซีนทางเลือกเข้ามาฉีดให้กับพนักงานและแรงงานก่อสร้างของบริษัทอสังหาฯ และบริษัทรับเหมาก่อสร้าง รวมถึงการออกมาตรการคัดกรอง ตรวจสอบและควบคุมการแพร่ระบาดในแคมป์ก่อสร้าง คือ กลยุทธ์หลักที่จะทำให้บริษัทอสังหาฯ สามารกลับเปิดแคมป์ก่อสร้างหลุดพ้นจากข้อกล่าวหาว่าเป็นแหล่งแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และสามารถกลับมาดำเนินการก่อสร้างในโครงการต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าต้นทุนในการจัดหาวัคซีน ต้นทุนการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นจากการเร่งงานก่อสร้างเพื่อชดเชยเวลาหายไป 30 วัน จากมาตรการปิดแคมป์ก่อสร้าง ต้นทุนการเงินที่เพิ่มขึ้น แถมรายได้จากการโอนยังลดลง หรือ มีต้นทุนที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการโอนกรรมสิทธิ์ที่ล่าช้ากว่ากำหนด นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งหลังของปีบริษัทอสังหาฯยังต้องเร่งเปิดโครงการใหม่พร้อมๆ กับการจัดแคมเปญการตลาดเพื่อกระตุ้นและเร่งการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค เพื่อผลักดันยอดขายให้ไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ในช่วงต้นปี หลังจากเสียโอกาสในช่วงครึ่งปีแรกเพราะต้องประสบปัญหาจากการระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 2 และ 3

ปัจจัยที่กล่าวมานั้นจะส่งให้ในปี 64 นี้ อสังหาฯจะกลายเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีกำไรสุทธิลดลงมากกว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมา จากเดิมที่คาดว่าในปี 64 จะเป็นปีที่บริษัทอสังหาฯ สามารถสร้างกำไรสุทธิได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการได้รับปัจจัยบวกจากรายได้กลุ่มที่อยู่อาศัยแนวราบ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีรอบธุรกิจสั้นกว่าคอนโดมิเนียม กลับมาได้รับความนิยมเพราะสอดรับกับพฤติกรรมการเลือกที่อยู่อาศัยในยุคโควิด-19

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา