เตือน! ตลาดอสังหาฯ ครึ่งปีหลัง รายใหญ่ขยายตัว รายเล็กลำบาก

pruk6

ตลาดอสังหาฯ ครึ่งปีแรกสถานการณ์ไม่ค่อยดีนัก โดยในไตรมาสแรกมีตัวเลขที่ดีเพราะเป็นการขาย Stock เดิมตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว จากมาตรการลดค่าจดจำนอง-โอน ซึ่งหมดเขตในเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา แต่ไม่ได้เป็นการกระตุ้นกำลังซื้อใหม่ ขณะที่ไตรมาสที่สองเห็นผลชัดเจนว่า มีโครงการแนวสูงใหม่ๆ เกิดขึ้นน้อยมาก ทำให้เห็นแนวโน้มว่าครึ่งปีหลังจะมีโครงการใหม่ๆ เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก แต่ปัจจัยต่างๆ ดูจะเอื้อต่อบริษัทอสังหาฯ รายใหญ่

ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย และ กรรมการผู้อำนวยการ ของ พฤกษา เรียลเอสเตท บอกว่า ในปีนี้ถึงปีหน้าวงการอสังหาริมทรัพย์ จะเกิดการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ และเชื่อว่าจะเป็นตลาดของผู้ประกอบการรายใหญ่ ที่จะได้เปรียบและกินส่วนแบ่งตลาดไปได้มากกว่า โดยมีปัจจัยสนับสนุน ดังนี้

md_prasert1-2

  1. แหล่งเงินทุนหาได้ง่าย ดอกเบี้ยต่ำ – การหาแหล่งเงินกู้ของบริษัทอสังหาฯ ขนาดใหญ่ได้เปรียบอย่างชัดเจน ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ธุรกิจไทย และมีแนวโน้มจะต่ำไปอีกนาน ส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาฯ ในการระดมทุน และยังทำให้ตลาดระดับบนขยายตัวดีมาก แต่ตลาดระดับล่างไม่ดี เพราะแม้ผู้บริโภคจะอยากซื้อ แต่ว่ากู้ไม่ได้
  2. ลงทุนได้ดีกว่า ด้วยขนาดของบริษัท – เป็นผลกระทบจากภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ราคาที่ดินจะปรับสูงขึ้น เจ้าของที่ดินและสถาบันการเงินที่ถือครองที่ดินไว้ จะเริ่มนำที่ดินมาปล่อยขาย เพราะเก็บไว้จะมีค่าใช้จ่าย จึงเป็นโอกาสของรายใหญ่มากกว่า
  3. ความสามารถทางการแข่งขันที่ได้เปรียบ – บริษัทใหญ่ปรับตัวแล้วและลุยทุกตลาด ตั้งแต่ระดับ ตร.ม. ละ 10,000 – 300,000 บาท ดังนั้นจึงมีตั้งแต่โครงการที่ Unit ละไม่ถึง 1 ล้านบาทจนถึง 15 ล้านบาทขึ้นไป และยังขยายทำทั้งโครงการแนวสูง และโครงการแนวราบ เช่น LPN ที่ทำ Townhome หรือ พฤกษา ที่ทำคอนโดมิเนียม

pruk3

ส่วนหนึ่งที่รายใหญ่ต้องขยับมาทำทุกตลาด เพื่อสร้างสภาพคล่องให้กับธุรกิจ เนื่องจากคอนโดมีเนียมเป็นโครงการที่ใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ปี จึงจะสามารถรับรู้รายได้และต้องส่งมอบพร้อมกับทั้งอาคาร แต่บ้านจัดสรรสามารถรับรู้รายได้ภายใน 3-4 เดือนส่งมอบเป็นหลังๆ ไป ถ้าทำครบทุกเซ็กเมนต์จะสามารถรักษาการเติบโตไว้ได้ และลดความเสี่ยงด้วย

ดังนั้น ทางออกของรายเล็ก ต้องมุ่งเน้นสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว จับตลาด Niche ของตัวเองให้ได้ ปรับโปรโมชั่นให้เร็ว และคิดค้นบริการหลังการขายรูปแบบใหม่ เช่น บริการขนย้าย ทำความสะอาด หรือการสร้างคอมมูนิตี้ภายในที่อยู่อาศัย เป็นทางออกสำหรับบริษัทอสังหาฯ รายเล็ก ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวยเท่าไรนัก

pruk5

ตัวเลขครึ่งปีแรกมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 171,222 ล้านบาท แบ่งเป็น

  • คอนโดมิเนียม 79,263 ล้านบาท
  • บ้านเดี่ยว 52,021 ล้านบาท
  • ทาวโฮม/ทาวเฮ้าส์ 34,508 ล้านบาท
  • อื่นๆ 5,430 ล้านบาท

คาดการณ์ครึ่งปีหลังจากโครงการที่จะเปิดใหม่กว่า 200 โครงการ มูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 230,603 ล้านบาท แบ่งเป็น

  • คอนโดมิเนียม 124,056 ล้านบาท
  • บ้านเดี่ยว 65,283 ล้านบาท
  • ทาวโฮม/ทาวเฮ้าส์ 41,264 ล้านบาท

pruk4

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา