Rabbit Digital Group (RDG) ปรับตัวด้วยการเพิ่มบริการต่าง ๆ ให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้า แต่แค่นั้นจะเพียงพอต่อการพาบริษัทให้เติบโตได้หรือไม่ ลองมาหาคำตอบกับ สุนาถ ธนสารอักษร CEO ของ RDG กัน
สถานการณ์เริ่มดีขึ้น เพราะโตกว่าครึ่งปีก่อน
สุนาถ เล่าให้ฟังว่า จากปี 2020 ที่มีการระบาดของโรค COVID-19 ในประเทศไทย และมีมาตรการต่าง ๆ ออกมา ทำให้แบรนด์ต่าง ๆ ทำตัวไม่ถูก เกิดการชะลอการใช้งบ แต่ไม่ใช่กับครึ่งแรกของปี 2021 ที่แบรนด์ต่าง ๆ ไม่มีใครอยู่เฉยอีกต่อไป พร้อมกับลงทุนทำตลาดเต็มที่ แม้สเกลการใช้จ่ายจะลดลงกว่าช่วงปกติ
“ครึ่งปีแรกผลประกอบการ RDG ดีกว่าปีที่แล้ว และบางบริษัทในเครือเติบโตกว่าเดิมหลายเท่า เช่นธุรกิจดูแลเรื่องข้อมูล, Infrastructure ต่างๆ รวมถึงงานเชิงระบบ ส่วนบริษัทที่รับผิดชอบ Marketing กับ Communication อาจอยู่ในระดับพยุงตัวเอง ถ้าให้สรุปก็คือ งานเกี่ยวกับหน้าบ้านพยุงตัว ส่วนงานเกี่ยวกับหลังบ้านเติบโต”
สำหรับการให้บริการของเครือ RDG ฝั่งหน้าบ้านประกอบด้วย การสื่อสารแบรนด์, ทำโฆษณา และประชาสัมพันธ์ เป็นต้น ซึ่งตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ฝั่งนี้โดดเด่นมาโดยตลอด ส่วนฝั่งหลังบ้านมีบริการวิเคราะห์ข้อมูล, Performance Marketing และเครื่องมืออื่น ๆ ในการยกระดับองค์กรสู่ดิจิทัล ซึ่งฝั่งนี้ค่อนข้างโดดเด่นในช่วงวิกฤต COVID-19
ถึงจะดีขึ้น แต่ก็ต้องปรับตัวเพื่อเติบโต
“แม้เราจะอยู่กับ COVID-19 จนเริ่มปรับตัวเพื่อใช้ชีวิตร่วมกับมันได้ แต่เวลานี้แค่ปรับเพื่ออยู่ร่วมกันคงไม่พอ ต้องพยายามเติบโตไปกับมันให้ได้ ซึ่งปกติแล้วไตรมาส 4 เป็นหน้าขายของเอเจนซี่ แต่จะให้ขายแบบเดิมก็คงไม่ได้ ส่วนตัวมองว่าคงต้องมองไปที่ปี 2022 และเน้นหนักที่การช่วยลูกค้ายกระดับหลังบ้านมากกว่า”
ประกอบกับบริษัทวิจัยระดับโลกอย่าง Gartner มองว่า หลังจากนี้องค์กรต่าง ๆ จะลงทุนกับเรื่องเทคโนโลยีเป็นหลัก เช่น E-Commerce และการยกระดับประสบการณ์การใช้บริการของลูกค้า ดังนั้นการลงทุนในโฆษณาแบบดั้งเดิมจะลดลงแน่นอน และการทำธุรกิจแบบเดิมโดยไม่มี Business Model ใหม่ คงไม่ดีแน่
“ยอมรับว่าโชคดีที่ RDG ทยอยปรับตัวด้วยการสร้างบริการใหม่ ๆ แต่นั่นมันอาจไม่พอ และหลังจากนี้อาจเห็นการทำ Performance Business ที่จากเดิมรับเงินเป็นก้อน ก็เปลี่ยนเป็นถ้าลูกค้าขายดี เราก็ได้ส่วนแบ่งเพิ่ม รวมถึง Microservice ต่าง ๆ เพราะมันเล็ก คล่องตัว และปรับเปลี่ยนได้ง่าย ตอบโจทย์เวลานี้ได้เป็นอย่างดี”
ยอดขายคือสิ่งที่ลูกค้าต้องการตอนนี้
ขณะเดียวกัน ยอดขาย คือสิ่งที่ลูกค้ามองเป็นเรื่องหลัก นอกจากนี้เรื่องการลงทุนในระยะยาว และจับต้องได้ รวมถึงการกระตุ้นให้เกิดการรักแบรนด์มากขึ้น เพราะการขายของได้จริงในยุคนี้จำเป็น ดังนั้นเอเจนซี่ต้องไม่ใช่แค่ช่วยสร้างแบรนด์ให้ลูกค้า แต่ต้องสร้างทั้งแบรนด์ และยอดขายได้ในคราวเดียว
“ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ ตอนนี้เอเจนซี่จะช่วยทำ CSR ให้กับแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งด้วยการสื่อสาร เช่นกอดคอผ่านวิกฤตได้ด้วยกัน ผู้บริโภคไม่อิน และไม่เชื่อแล้ว ดังนั้นการเอางบที่ใช้ขายภาพ หรือจับฉลาก เปลี่ยนเป็นช่วยโปรโมท SME ที่เป็นพาร์ตเนอร์น่าจะดีกว่า ผ่านการโดนใจ และสร้างยอดขายได้จริง”
จุดนี้เอง บริการเกี่ยวกับการค้นหา หรือ Search ทั้งฝั่ง SEO และ SEM จึงถูกให้ความสำคัญมากขึ้น เพราะการใช้เงินต้องแม่นยำกับเป้าหมายกว่าเดิม และเปลี่ยนแปลงเป็นยอดขายให้ได้มากที่สุด ซึ่ง RDG เองมีการเติบโตในธุรกิจดังกล่าวเช่นกัน
ปีนี้ขอแค่ถึงเป้าหมายของปีที่แล้วก็พอ
ถึงช่วงต้นปี 2021 ทุกอย่างจะเริ่มฟื้นตัวจากวิกฤต COVID-19 และลูกค้าเริ่มกลับมาลงทุนมากขึ้น แต่ด้วยการระบาดในประเทศไทยกลับมาอีกครั้ง และยังไม่มีความชัดเจนว่าจะสิ้นสุดเมื่อไร ทำให้ RDG ตั้งเป้าหมายรายได้ถึงแค่เป้าที่ตั้งเอาไว้ในปี 2020 ก็เพียงพอ
“สมมติปี 2020 เราตั้งเป้าไว้ 100 แต่ปีนั้นเราไปไม่ถึง 100 ดังนั้นปี 2021 ด้วยสถานการณ์แบบนี้ RDG จึงขอตั้งเป้าไว้ที่ 100 ที่ตั้งไว้ในปีก่อนในเบื้องต้น โดยอาศัยการขับเคลื่อนของ Next Normal และยุค Post Digital ที่ใครทำไม่ดิจิทัลก็อยู่ไม่ได้ เป็นต้วขับเคลื่อน”
สุนาถ ทิ้งท้ายว่า ถึงช่วงนี้ทุกคนจะอยู่บ้าน และพร้อมเปิดโทรทัศน์ตลอดเวลา แต่การแข่งขันโอลิมปิกครั้งล่าสุดนี้ เห็นอะไรหลายอย่าง เช่นช่วงเดินขบวนแต่ละชาติที่หลายคนมองว่ายาวนาน แสดงให้เห็นถึงความใจร้อนของคนที่มากขึ้น และระหว่างการแข่งขัน หลายคนเลือกรับชมผ่านโทรศัพท์มือถือ ชี้ให้เห็นว่า ผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปมากจริง ๆ
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา