หุ้น โออาร์ เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันแรก เปิดด้วยราคา 26.50 บาทต่อหุ้น เตรียมเข้า SET50 แบบ Fast-Track ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 208,980 ล้านบาท
บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ (OR) เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 11 ก.พ. 2564 นี้ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ OR ราคา IPO 18 บาท คิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคาเสนอขาย (IPO) ที่ 208,980 ล้านบาท และคาดว่าจะได้รับการจัดเข้าไปรวมอยู่ในดัชนี SET50 และ SET100 ด้วยเกณฑ์ Fast–track ภายใน 3 วันทำการนับจากวันที่เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ
จิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ โออาร์ บอกว่า หุ้น OR เป็นหุ้น IPO ที่มีการทำรายการจองซื้อหุ้นที่สูงที่สุดในตลาดทุนไทย ด้วยจำนวนกว่า 530,000 รายการ ได้เข้าทำการซื้อขายเป็นวันแรก การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะช่วยให้ โออาร์ สามารถรักษาสถานะความเป็นผู้นำและดำเนินธุรกิจคือ ธุรกิจน้ำมัน ธุรกิจค้าปลีก และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง
โออาร์ มีแผนจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุน ไปขยายเครือข่ายสถานีบริการน้ำมัน ขยายธุรกิจสำหรับการตลาดพาณิชย์ ลงทุนในคลังเก็บผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและศูนย์กระจายสินค้า ขยายเครือข่ายร้านค้าปลีก และลงทุนในธุรกิจต่างประเทศ รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ และ/หรือชำระคืนเงินกู้ยืม (ถ้ามี) เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อกิจการของ โออาร์ และบริษัทย่อย นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะต่อยอดความสำเร็จและความชำนาญสู่ระดับภูมิภาคและระดับโลก ด้วยแนวคิด Retailing Beyond Fuel
ในวันแรกของการเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ โออาร์ จะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 116,100 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) 2,610 ล้านหุ้น (ไม่รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) ในราคาเสนอขายหุ้นละ 18 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนรวม 46,980 ล้านบาท (ไม่รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคาเสนอขาย (IPO) 208,980 ล้านบาท
ภายหลังจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โออาร์ จะมี บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นประมาณ 77.5% (ภายใต้สมมติฐานว่า ผู้จัดหาหุ้นส่วนเกิน (Over–Allotment Agent) ไม่มีการใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนส่วนเกินจาก โออาร์ ทั้งจำนวน) โดย โออาร์ มีนโยบายจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 30.0% ของกำไรสุทธิหลังหักสำรองตามที่กฎหมายและข้อบังคับของ โออาร์ กำหนด โดยต้องไม่เกินกว่ากำไรสะสมของ โออาร์
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
Related