ศึกษาตลาดเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าผ่านสายตา Promptcharge กับกลยุทธ์ที่จะปั้นตลาดนี้ให้บูม

แม้รถยนต์ไฟฟ้าจะเริ่มเป็นที่นิยมในตลาดโลก แต่ในไทยถือว่าเป็นเรื่องใหม่ เพราะตอนนี้มีรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง Plug-in Hybrid และแบบใช้แบตเตอรี่ วิ่งกันแค่หมื่นต้นๆ แต่นั่นก็เพียงพอสำหรับ Promptcharge ที่จะบุกตลาดนี้

การชาร์จของรถยนต์ไฟฟ้า Tesla

โอกาสยังเปิดกว้างสำหรับเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า

ปัจจุบันค่ายผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศไทยเริ่มมีการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั้งแบบ Plug-in Hybrid (PHEV) และรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ (BEV) กันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเข้ามาทำตลาดเองอย่าง Mercedes-Benz กับ BMW หรือเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างแบรนด์ BYD และ Tesla

แถมผู้ผลิตเกือบทุกเจ้ายังมีการทำตลาดเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าไปพร้อมกับการจำหน่ายรถยนต์เช่นเดียวกัน แต่ด้วยราคาที่ค่อนข้างสูง (บางแบรนด์จำหน่ายในราคาหลักแสน) ทำให้ผู้ซื้อบางกลุ่มไม่อยากเสียเงินเพิ่ม และตัดสินใจใช้สายชาร์จที่ให้มากับรถยนต์ไฟฟ้าเหล่านั้นเสียบชาร์จเข้ากับไฟบ้านด้วยตนเอง

ภัทร์ การุณกรสกุล ประธานกรรมการ บริษัท พร้อมชาร์จ จำกัด

แต่หากระบบไฟฟ้าในที่พักอาศัยไม่เอื้อ เช่นสายไฟเก่าจนเกินไป หรือไม่มีการติดตั้งสายดิน ก็มีความอันตรายในการเสียบชาร์จไฟเข้ารถยนต์ และเหตุนี้เองจึงเกิดช่องว่างในตลาดเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าขึ้นมา และเริ่มมีบริษัทนำเข้า และจำหน่ายอุปกรณ์ตัวนี้มากขึ้น หนึ่งในนั้นคือ Promptcharge

เติบโตไปพร้อมกับกระแสรถยนต์ไฟฟ้าที่น่าจะบูมในไทย

ภัทร์ การุณกรสกุล ประธานกรรมการ บริษัท พร้อมชาร์จ จำกัด เล่าให้ฟังว่า ตลาดผู้นำเข้า และจำหน่ายเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้านั้นมีผู้เล่นมากขึ้น แต่ด้วยโอกาสตลาดที่ยังเปิดกว้างอยู่ ทำให้ยังมีช่องว่างสำหรับคนที่สามารถเข้าถึงผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง

เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ EO

“เราเห็นทิศทางตลาดว่ามันต้องโตแน่ๆ หลังจากแบรนด์รถยนต์หรูเริ่มหันมาจำหน่ายรถยนต์ Plug-in Hybrid กันมากขึ้น และถึงพวกเขาจะจำหน่ายเครื่องชาร์จแยกไปด้วย แต่ผู้ซื้อบางคนก็มองว่าราคามันสูง ดังนั้นถ้าเราเอาของดี แต่มาทำราคาที่มันสมเหตุผล ก็น่าจะสามารถจำหน่ายให้กับพวกเขา และเติบโตไปกับตลาดได้”

สำหรับ Promptcharge นั้นนำเข้าเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ EO จากประเทศอังกฤษ ตั้งราคาไว้ที่ 85,000-105,000 บาท สามารถชาร์จได้ในความเร็วสูงตั้งแต่รถยนต์ไฟฟ้าแบบ PHEV จนถึง BEV โดยในช่วง 3 เดือนแรกจะปรับลดราคา 30% เหลือ 59,000-79,000 เพื่อกระตุ้นยอดขาย

การทำตลาดร่วมกับศูนย์ดูแลรถยนต์ Poli-Chem

แจกฟรี 100 เครื่องภายใน 1 เดือนสร้างการรับรู้แบรนด์

ขณะเดียวกันผู้นำเข้า และจัดจำหน่ายรายนี้ยังกระตุ้นตลาดด้วยการแจกเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าฟรี 100 เครื่องภายใน 1 เดือนหลังจากนี้ เพื่อสร้างการรับรู้ในตลาด และกระตุ้นการเรียนรู้ของผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าให้มาชาร์จผ่านเครื่องชาร์จมากขึ้น

ส่วนฝั่งการจำหน่ายให้กับลูกค้ากลุ่มองค์กรนั้น ปัจจุบันมีการเป็นพาร์ทเนอร์กับศูนย์ดูแลรถยนต์ Poli-Chem โดยให้ผู้ที่มาใช้บริการสามารถชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้ฟรี นอกจากนี้ยังเริ่มเจรจากับคอนโดมิเนียม รวมถึงห้างสรรพสินค้าต่างๆ เพื่อจำหน่าย รวมถึงหาพื้นที่ในการให้บริการสถานีชาร์จไฟฟ้าเพื่อเป็นรายได้อีกทางในอนาคต

อย่างไรก็ตามในปีแรก (สิ้นสุดปลายเดือนมิ.ย.) Promptcharge คาดว่าจะจำหน่ายเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้ทั้งหมด 1,000 เครื่อง แบ่งเป็นจำหน่ายให้กับผู้บริโภคทั่วไป 80% ที่เหลือเป็นการจำหน่ายกับลูกค้าองค์กร ส่วนอัตราการสิ้นเปลืองของการชาร์จด้วยอุปกรณ์ตัวนี้จะอยู่ราว 0.50-1 บาท/กม.

สรุป

เชื่อว่าตลาดนี้ในอนาคตน่าจะแข่งขันกันสูงแน่นอน เพราะหากรถยนต์ไฟฟ้าเกิดบูมขึ้นมาจริงๆ เช่น Nissan ทำราคารุ่น Leaf ได้โดนใจคนไทย หรือมีแบรนด์จีนเข้ามาถล่มตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ความต้องการเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าก็คงมากขึ้น และน่าจะมีราคาที่ถูกลงกว่านี้ เพราะถ้าให้ซื้อรถยนต์ราคา 8 แสนบาท แต่ต้องมาซื้อเครื่องชาร์จไว้ที่บ้านอีกในราคา 10% ของรถยนต์ ก็คงไม่ไหวสำหรับผู้บริโภคทั่วไป

ในทางกลับกันการสื่อสารกับคนไทยก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ลองยกเคสพยายามให้คนติดตั้งเบรกเกอร์ไฟฟ้าในยุคก่อน หรือการติดตั้งสายดินเพื่อใช้เครื่องทำน้ำอุ่นก็ได้ ว่าต้องใช้แรงมากขนาดไหน

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา