ปฏิเสธไม่ได้ว่าวงการยานยนต์ตอนนี้ต่างเดินหน้าไปในฝั่งรถยนต์ไฟฟ้า แต่ปัญหาก็คือเวลาที่ผู้บริโภคนึกถึงรถแบบนี้ Tesla ก็ยังถูกพูดถึงเป็นลำดับแรกๆ อยู่ ซึ่ง Porsche ต้องการจะแก้ไขเรื่องนี้ด้วยการเปลี่ยนตัวเองแบบสุดขั้น
เน้นการพัฒนายานยนต์ พร้อมใช้หุ่นยนต์ช่วยเหลือ
Porsche คือแบรนด์รถยนต์สปอร์ตของกลุ่ม Volkswagen ที่อยู่ระหว่างพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าเพื่อทำตลาดจริงในชื่อรุ่น Taycan ผ่านการลงทุนกว่า 6,000 ล้านยูโรเพื่อปรับปรุงโรงงานที่ Zuffenhausen ให้ทันสมัยขึ้น ผ่านการติดตั้งระบบ Automated Guided Vehicles (AGV) ที่ใช้หุ่นยนต์เข้ามาช่วยเหลือในการผลิตมากกว่าเดิม
ซึ่งการทำแบบนี้ช่วยให้ Porsche มีความยืดหยุ่นในการควบคุมไลน์ผลิตได้มากกว่าเดิม นอกจากนี้การลงทุนดังกล่าวยังสร้างงานเพิ่มกว่า 1,200 ตำแหน่ง โดยเน้นที่กลุ่มวิจัย และพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ และพวกเขายังได้สิทธิ์ทำงานกับฝั่งรถยนต์สปอร์ตทั่วไปของ Porsche เพื่อคงเอกลักษณ์ของแบรนด์เอาไว้เช่นเดิม
ผลลัพธ์ก็คือ Taycan ยังคงเอกลักษณ์ของ Porsche ไว้เต็มขั้น แถมยังอุดมไปด้วยนวัตกรรมล้ำๆ อย่างเช่นแบตเตอรี่ที่ชาร์จเพียง 4 นาทีก็สามารถวิ่งได้ 100 กม. รวมถึงตัวบริษัทยังเตรียมติดตั้งสถานีชาร์จความเร็วสูงในสหรัฐอเมริกาตามนโยบายของ Volkswagen ทำให้ลูกค้าของ Porsche นั้นได้รับการบริการที่ดีที่สุดอีกด้วย
แต่ที่มาของการที่ Porsche ทำแบบนี้มาจาก Tesla ที่มีการใช้ระบบ AGV ในโรงงาน รวมถึงมีสถานีชาร์จความเร็วสูงของตัวเอง ทำให้ผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าของแบรนด์รู้สึกพิเศษกว่าการใช้รถยนต์ไฟฟ้าของแบรนด์อื่นๆ ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดก็คงไม่พ้น Leaf ของ Nissan
อย่างไรก็ตามการที่ Porsche และแบรนด์อื่นๆ เริ่มจริงจังกับรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ประกอบกับ Tesla ยังประสบปัญหาเรื่องกำลังการผลิต ก็มีโอกาสที่ค่ายรถยนต์ดั้งเดิมที่เชี่ยวชาญด้านการผลิต รวมถึงมีความน่าเชื่อถือเป็นทุนเดิมจะมีบทบาทในตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น และสุดท้ายงานหนักที่สุดก็กลับไปอยู่ที่ Tesla เอง
สรุป
Porsche เป็นแบรนด์ที่น่าจับตามอง แม้ตัวแบรนด์นั้นจะสูงกว่ารถยนต์ทั่วไปอย่าง Volkswagen รวมถึงรถยนต์ระดับพรีเมียมอย่าง Audi แต่การวางเอกลักษณ์ที่ชัดเจน ประกอบกับสมรรถนะของรถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่แพ้คู่แข่งรายอื่น ก็ทำให้ Porsche อาจก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าก็ได้
อ้างอิง // Jalopnik
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา