ในสมรภูมิการค้าระหว่างประเทศที่ภูมิทัศน์เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การที่แบรนด์สินค้าไทยจะก้าวไปยืนหยัดบนเวทีโลกได้อย่างสง่างามนั้นจำเป็นต้องอาศัยมากกว่าแค่ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ แต่ยังรวมถึงวิสัยทัศน์ที่เฉียบคม นวัตกรรมที่ไม่หยุดนิ่ง และความเข้าใจในตลาดอย่างลึกซึ้ง รางวัล Prime Minister’s Export Award ถือเป็นเครื่องหมายเกียรติยศสูงสุดที่มอบให้แก่ผู้ประกอบการไทย ซึ่งไม่เพียงเป็นการยืนยันถึงความสำเร็จอันยอดเยี่ยม แต่ยังเป็นบทพิสูจน์ถึงความเป็นเลิศในการดำเนินธุรกิจส่งออกที่สามารถแข่งขันและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในระดับสากล
Brand Inside ได้รับเกียรติในการเจาะลึกเบื้องหลังความสำเร็จของ 3 องค์กรชั้นนำผู้ได้รับรางวัล PM’s Export Award ประจำปี 2025 เพื่อถอดรหัสกลยุทธ์และแนวคิดที่ทำให้พวกเขาสามารถนำแบรนด์ไทยไปสร้างชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในระดับโลก ตั้งแต่องค์กรที่สั่งสมประสบการณ์ยาวนานเกือบร้อยปี ไปจนถึงแบรนด์ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมสมัยใหม่ เรื่องราวของพวกเขามีบทเรียนล้ำค่าสำหรับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่ใฝ่ฝันจะนำธงชาติไทยไปปักหมุดในตลาดโลก
BSCM กับ 8 ทศวรรษแห่งคุณภาพ จากรากฐานที่มั่นคงสู่นวัตกรรมข้าวระดับโลก
เรื่องราวของ บริษัท บางซื่อโรงสีไฟเจียเม้ง จำกัด (BSCM) คือมหากาพย์แห่งความมุ่งมั่นที่หยั่งรากลึกมานานกว่า 8 ทศวรรษ คุณวัลลภ มานะธัญญา ประธานกรรมการบริหาร ได้เล่าถึงปรัชญาที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษและยังคงเป็นหัวใจของการดำเนินธุรกิจมาจนถึงทุกวันนี้ นั่นคือ “คุณภาพนำหน้า ราคา ยุติธรรม ดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์สุจริต” หลักคิดนี้ไม่ใช่เพียงคำขวัญ แต่เป็นสิ่งที่สะท้อนอยู่ในการกระทำทุกขั้นตอนขององค์กร
สำหรับ BSCM คำว่า “คุณภาพ” เริ่มต้นตั้งแต่ต้นทาง คือผืนนาของเกษตรกร. บริษัททำงานอย่างใกล้ชิดกับเกษตรกรในการพัฒนาการเพาะปลูก ตั้งแต่การใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิที่มีความบริสุทธิ์สูง ไปจนถึงการส่งเสริมให้เกษตรกรเพาะปลูกแบบนาหยอด ซึ่งช่วยลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตข้าวหอมมะลิ ความใส่ใจนี้ดำเนินต่อไปจนถึงการเก็บเกี่ยวและการจัดเก็บเพื่อให้ได้ข้าวหอมมะลิที่มีคุณภาพและเอกลักษณ์ดีที่สุดอย่างแท้จริง เมื่อเข้าสู่กระบวนการผลิต เทคโนโลยีที่ทันสมัยถูกนำมาใช้ควบคู่กับการตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มข้นในทุกขั้นตอน คุณวัลลภย้ำว่า “เราไม่ยอมให้คำว่า ‘พอใช้ได้’ เป็นมาตรฐานของเรา เพราะเรารู้ดีว่า ลูกค้าที่เลือก BSCM เขาคาดหวังความเป็นเลิศ และเราก็เต็มใจที่จะทำให้ได้ทุกครั้ง”
ความสำเร็จในการสร้างแบรนด์ “หงษ์ทอง” (Golden Phoenix) ให้เป็นที่จดจำและเชื่อมั่นในตลาดโลกกว่า 50 ประเทศนั้น มาจาก 4 หลักคิดสำคัญคือ
- ควบคุมคุณภาพตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ: คัดสรรวัตถุดิบข้าวหอมมะลิแท้จากแหล่งปลูกที่ดีที่สุดในไทยและควบคุมการผลิตตามมาตรฐานสากล
- มองคู่ค้าเป็นพันธมิตรระยะยาว: BSCM ไม่ได้มองคู่ค้าเป็นเพียงช่องทางจำหน่าย แต่เชื่อว่า “ความสำเร็จของคู่ค้า คือความสำเร็จของแบรนด์” บริษัทเน้นการสร้างความสัมพันธ์ที่จริงใจและยั่งยืน โดยร่วมกันศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคและวางกลยุทธ์ทางธุรกิจในระยะยาว
- สื่อสารแบรนด์อย่างชัดเจนและสม่ำเสมอ: มีการตอกย้ำตัวตนของแบรนด์ว่าเป็นข้าวหอมมะลิไทยคุณภาพสูงในทุกช่องทาง ตั้งแต่บรรจุภัณฑ์ เว็บไซต์ ไปจนถึงการร่วมงานแสดงสินค้าระดับโลกและกิจกรรมการตลาดในแต่ละประเทศ
- ยึดมั่นในการเติบโตอย่างยั่งยืน: นอกจากการส่งเสริมการทำนาหยอดแล้ว บริษัทยังเน้นการเพาะปลูกตามแนวทาง SRP (Sustainable Rice Platform) เพื่อสร้างความยั่งยืนทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
ในยุคที่ตลาดโลกซับซ้อนและมีการแข่งขันสูง BSCM ได้ปรับตัวโดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามาใช้อย่างต่อเนื่อง ในกระบวนการผลิต มีการลงทุนนำระบบ Automation และการคัดแยกคุณภาพข้าวด้วยระบบ AI เข้ามาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดของเสีย ด้านการตลาด มีการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลมากขึ้น ทั้งการขายผ่านช่องทาง E-commerce, การสร้างความสัมพันธ์กับผู้บริโภคผ่านโซเชียลมีเดีย และการใช้ Data Analytics เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าและพัฒนาแผนการตลาดที่ตรงจุด
การก่อตั้ง “BSCM Foods” เมื่อราว 10 ปีก่อน ถือเป็นการก้าวสู่ยุคใหม่ที่สะท้อนวิสัยทัศน์ในการเป็น “Value Creator” บริษัทมองว่าอนาคตของธุรกิจข้าวไม่ได้หยุดอยู่แค่การส่งออกเมล็ดข้าว แต่คือการนำความเชี่ยวชาญกว่า 80 ปีมาพัฒนาเป็นนวัตกรรมอาหารที่สามารถแข่งขันในระดับโลกได้ ปัจจุบันบริษัทได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าวพร้อมรับประทาน (Ready Rice), ข้าวออร์แกนิก, ข้าวปรุงรส และข้าวพร้อมกับข้าวในรูปแบบ Ready Meal เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่
รางวัล PM’s Export Award ที่ได้รับ ถือเป็นรางวัลเกียรติยศและเครื่องยืนยันความทุ่มเทของทุกคน ตั้งแต่เกษตรกร คู่ค้า ไปจนถึงพนักงาน คุณวัลลภได้ฝากข้อคิดที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษถึงคนรุ่นใหม่ว่า “สิ่งที่บรรพบุรุษปลูกฝังเรามาตลอดคือ หากจะเริ่มทำสิ่งใด ต้องทำด้วยความมุ่งมั่น มีความมานะอดทน และต้องรู้ให้ลึก รู้ให้จริง…ธุรกิจจะเติบโตได้ ต้องมีรากฐานจากความรู้ และต้องไม่หยุดพัฒนาและรู้จักปรับตัวให้ทันต่อโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ”
บูโอโน่ (ประเทศไทย) ปั้น “ความเป็นไทย” ด้วยนวัตกรรม สู่แบรนด์ขนมหวานที่ชนะใจตลาดโลก
เรื่องราวของ บ.บูโอโน่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เริ่มต้นจากความหลงใหลในรสชาติของไอศกรีมอิตาเลียนแท้ แต่สิ่งที่ขับเคลื่อนแบรนด์มาจนถึงวันนี้คือจุดยืนที่ต้องการส่งเสริมและแปรรูปผลผลิตของเกษตรกรไทยเพื่อเพิ่มมูลค่า
คุณธนพร ศุภวราสุวัฒน์ ผู้จัดการฝ่ายแบรนด์และการตลาด เล่าว่า จุดเปลี่ยนสำคัญคือการเปลี่ยนโมเดลจากการทำร้านไปเป็นโรงงาน ซึ่งทำให้สามารถต่อยอดความตั้งใจนี้ให้ใหญ่ขึ้นและสร้างชื่อให้อาหารไทยในตลาดโลกได้ การได้รับรางวัล Prime Minister’s Export Award จึงเป็นสิ่งที่มีความหมายอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะเป็นความภาคภูมิใจแล้ว ยังเป็นแรงผลักดันให้ทีมงานมุ่งมั่นสานต่อภารกิจในการเผยแพร่อาหารไทยสู่สายตาชาวโลกต่อไป
หัวใจของบูโอโน่คือการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่สร้างสมดุลระหว่าง “ความคุ้นเคย” ที่ผู้บริโภคสามารถเข้าใจได้ กับ “ความแปลกใหม่” ที่ทำให้แบรนด์แตกต่างจากคู่แข่ง บริษัทใช้ความเป็นไทยและวัตถุดิบไทยมาทำให้ผลิตภัณฑ์โดดเด่นและยากที่จะลอกเลียนแบบได้ ผลิตภัณฑ์ที่สร้างชื่อเสียงในตลาดโลกอย่าง Mochi Ice Cream หรือไอศกรีม Non-Dairy คือตัวอย่างที่ชัดเจนของการผสมผสานแนวคิดนี้ คุณธนพรยอมรับว่ากระบวนการพัฒนานั้นผ่านการทำวิจัยและโฟกัสกรุ๊ปหลายรอบ แต่ในบางครั้งก็ต้องอาศัยสัญชาตญาณเพื่อความรวดเร็ว ซึ่งถือเป็นการเดิมพัน และหากพลาดก็ถือเป็นบทเรียนที่ทำให้สามารถพัฒนาให้ดีขึ้นและก้าวต่อไปได้
ในการเจาะตลาดต่างประเทศที่หลากหลาย บูโอโน่เชื่อว่าหัวใจสำคัญคือ “ความเข้าใจ” สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ทั้งจากการพูดคุยกับผู้คนในตลาดนั้น ๆ การลงพื้นที่ไปสัมผัสบรรยากาศจริง รวมถึงการวิจัยและวิเคราะห์ว่าปัจจัยใดคือสิ่งที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญมากที่สุด แนวทางนี้ช่วยให้บริษัทซึ่งมองว่าตัวเองยังเป็นผู้เล่นรายเล็ก สามารถมองเห็นแนวทางที่เหมาะสมในการสื่อสารกับผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผ่านมาตรฐานสากลที่เข้มงวดของแต่ละประเทศ บูโอโน่ได้ลงทุนอย่างมากในการสร้างโรงงานที่ได้มาตรฐานสากล พร้อมทั้งมีแผนกควบคุมคุณภาพโดยเฉพาะ และห้องปฏิบัติการของตัวเองที่ตรวจสอบอย่างเข้มงวด
วิสัยทัศน์ในก้าวต่อไปของบูโอโน่คือการยึดมั่นที่จะเป็นผู้ผลิตอาหารที่ประณีตและก้าวสู่การเป็นผู้นำระดับโลก โดยมุ่งเน้นการเพิ่มคุณค่าให้กับวัตถุดิบไทย แผนในอนาคตคือการพัฒนาเมนูอาหารไทยให้อยู่ในรูปแบบที่ทำง่าย ทานง่าย แต่ยังคงเอกลักษณ์และรสชาติความเป็นไทยอย่างแท้จริง เป้าหมายคือเพื่อให้ผู้บริโภคต่างชาติได้สัมผัสกับอาหารไทยแท้ ๆ ที่ไม่จำกัดอยู่เพียงเมนูยอดนิยมที่คุ้นเคย และในขณะเดียวกันก็ตั้งใจทำอาหารไทยคุณภาพดีเพื่อให้คนไทยที่อยู่ต่างแดนได้ลิ้มรสความอร่อยที่ช่วยให้หายคิดถึงบ้านได้ด้วย
คุณธนพรได้ฝากคำแนะนำที่ทรงพลังถึงผู้ประกอบการรุ่นใหม่ว่า “สิ่งที่อยากแนะนำผู้ประกอบการรุ่นใหม่คือการยืนหยัดในรากเหง้าและความเป็นไทย เพราะความเป็นไทยคือเอกลักษณ์ที่ลอกเลียนแบบได้ยาก…ในขณะเดียวกันก็ควรทำความเข้าใจผู้บริโภคในตลาดเป้าหมายอย่างลึกซึ้ง มองจากมุมมองของเขา ว่าอะไรคือสิ่งที่เขาให้ความสำคัญและต้องการจริงๆ”
กรีนสปอต การเดินทาง 7 ทศวรรษของ “ไวตามิ้ลค์” สู่ผู้นำ Plant-based ระดับสากล
ด้วยประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 70 ปี บริษัท กรีนสปอต จำกัด คือบทพิสูจน์ของการปรับตัวและเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง
คุณน้ำเพชร์ ตติยวงศ์ ผู้จัดการทั่วไป สายงานธุรกิจต่างประเทศ เปิดเผยว่า ความสำเร็จของกรีนสปอตมาจากความมุ่งมั่นที่จะส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง ตอบโจทย์ทั้งเรื่องรสชาติและโภชนาการ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง บริษัทใส่ใจในทุกกระบวนการ ตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบ การพัฒนาสูตร ไปจนถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัย และการขยายตลาดต่างประเทศอย่างเป็นระบบ รางวัล PM’s Export Award ที่ได้รับในครั้งนี้ ไม่เพียงสะท้อนถึงคุณภาพและมาตรฐานระดับสากล แต่ยังยืนยันถึงความเชื่อมั่นที่คู่ค้าทั่วโลกมีต่อแบรนด์ และเป็นแรงผลักดันให้พัฒนาต่อไป
การนำแบรนด์ที่แข็งแกร่งในไทยอย่าง “ไวตามิ้ลค์” ไปสู่ตลาดโลกได้สำเร็จนั้นเกิดจากการปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับแต่ละประเทศ บริษัทจะทำการศึกษาตลาดเชิงลึกทั้งในด้านวัฒนธรรมและพฤติกรรมการบริโภค เพื่อปรับรสชาติ ขนาดบรรจุภัณฑ์ และการสื่อสารการตลาดให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคในท้องถิ่นได้อย่างแท้จริง ในขณะเดียวกัน ก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่ผู้บริโภคเชื่อมั่น นั่นคือคุณค่าด้านโภชนาการและความอร่อย เพื่อเข้าถึงคนรุ่นใหม่ในต่างประเทศ บริษัทได้ให้ความสำคัญกับการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัย และการสื่อสารผ่านช่องทางดิจิทัล ซึ่งช่วยให้ไวตามิ้ลค์สามารถคงความทันสมัยและสร้างการเชื่อมต่อกับผู้บริโภคได้ทั่วโลก
ในฐานะผู้นำด้านนมถั่วเหลือง กรีนสปอตให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับเทรนด์สุขภาพของโลก บริษัทมุ่งเน้นการพัฒนา นมทางเลือก (Alternative Milk) ที่หลากหลาย ทั้งจากถั่วเหลืองและวัตถุดิบพืชชนิดอื่น ๆ เช่น ถั่วและธัญพืชต่างๆ เพื่อสร้างความแตกต่างและเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มใหม่ ๆ นวัตกรรมเหล่านี้มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการแข่งขันในตลาดโลก เพราะผู้บริโภคในหลายประเทศให้ความสำคัญกับสุขภาพ ความยั่งยืน และความหลากหลายของผลิตภัณฑ์อาหาร
การเติบโตในฐานะผู้ผลิตรายใหญ่ระดับโลกยังมาพร้อมกับความรับผิดชอบในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน กรีนสปอตให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอน ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบที่มีคุณภาพจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ การพัฒนากระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพสูง ใช้พลังงานและทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ไปจนถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งใช้วัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้
คุณน้ำเพชร์มองว่าอนาคตของตลาดเครื่องดื่มนมถั่วเหลืองและ Plant-based จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มองหาเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม วิสัยทัศน์ของกรีนสปอตคือการพัฒนาแบรนด์ไวตามิ้ลค์ให้ก้าวสู่การเป็นผู้นำระดับสากลด้านเครื่องดื่ม Plant-based และผลักดันให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทเป็นตัวแทนของ “เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพจากประเทศไทย” ที่สามารถสร้างความภาคภูมิใจในระดับโลก
Brand Inside มองว่า เรื่องราวความสำเร็จของ BSCM, บูโอโน่ และกรีนสปอต แม้จะมาจากอุตสาหกรรมและมีเส้นทางที่แตกต่างกัน แต่กลับมี DNA ร่วมกันที่น่าสนใจซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการพิชิตตลาดโลกและรางวัล PM’s Export Award อันทรงเกียรติ ซึ่งจัดโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์
ประการแรกคือ การยืนหยัดบนรากเหง้าและอัตลักษณ์ที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นปรัชญาความซื่อสัตย์ที่สืบทอดมา 8 ทศวรรษของ BSCM, การนำ “ความเป็นไทย” มาเป็นจุดขายที่ลอกเลียนแบบได้ยากของบูโอโน่, หรือมรดกแห่งความเชี่ยวชาญด้านนมถั่วเหลืองกว่า 70 ปีของกรีนสปอต ทุกแบรนด์เริ่มต้นจากแก่นแท้ที่ชัดเจนและใช้เป็นฐานในการต่อยอด
ประการที่สองคือ นวัตกรรมที่ไม่หยุดนิ่งและการปรับตัวที่ไม่สิ้นสุด ความสำเร็จในอดีตไม่ได้ทำให้พวกเขาหยุดพัฒนา BSCM ลงทุนในเทคโนโลยี AI เพื่อควบคุมคุณภาพข้าว, บูโอโน่กล้าที่จะใช้สัญชาตญาณเดิมพันกับผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ, และกรีนสปอตมุ่งวิจัยและพัฒนา Plant-based Alternative Milk เพื่อตอบสนองเทรนด์โลก พวกเขาเข้าใจดีว่าในโลกธุรกิจ ผู้ที่ไม่ปรับตัวคือผู้ที่ถดถอย
ประการสุดท้ายคือ วิสัยทัศน์ระดับโลกที่ขับเคลื่อนด้วยความเข้าใจในระดับท้องถิ่น ทั้งสามบริษัทไม่ได้เพียง “ขาย” สินค้า แต่พวกเขาสร้าง “ความสัมพันธ์” และทำความเข้าใจตลาดเป้าหมายอย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่การสร้างพันธมิตรทางธุรกิจระยะยาวของ BSCM ไปจนถึงการลงพื้นที่เพื่อศึกษาวัฒนธรรมผู้บริโภคของบูโอโน่และกรีนสปอต
เรื่องราวเหล่านี้จึงเป็นมากกว่าบันทึกความสำเร็จ แต่คือบทพิสูจน์ว่าแบรนด์ไทยมีศักยภาพอย่างไร้ขีดจำกัดบนเวทีโลก และเป็นเข็มทิศนำทางที่เปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจสำหรับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ให้กล้าที่จะฝันและมุ่งมั่นที่จะสร้างแบรนด์ไทยให้เป็นที่ประจักษ์ต่อไปอย่างยั่งยืน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา