ย่านประตูน้ำเป็นย่านสำคัญทางเศรษฐกิจมาช้านาน มีประวัติศาตร์ที่ขึ้นชื่อเรื่องของ “ค้าส่ง” เสื้อผ้า สินค้าแฟชั่น ตอนนี้ “เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป” คือผู้เล่นรายใหญ่ในย่านนั้น เจ้าของ 3 โครงการ ได้แก่ เดอะแพลทินัม แฟชั่น มอลล์, ตลาดนัดนีออน และเดอะ มาร์เก็ต กลายเป็นอาณาจักรที่รวมทั้งค้าปลีก ค้าส่ง และตลาดนัดในย่านเดียว มีพื้นที่รวม 2.33 แสนตารางเมตร
ปั้นห้างค้าส่งเป็น Hub อาเซียน
เดอะ แพลทินัม กรุ๊ปเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มค้าปลีก และโรงแรม โลเคชั่นหลักอยู่ที่ย่านประตูน้ำ เริ่มต้นจากโครงการที่เป็นพระเอกหลักอย่าง “เดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์” เป็นศูนย์การค้าค้าส่งที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2548 จากนั้นขยายไปยังโรงแรม “โนโวเทล กรุงเทพ แพลทินัม ประตูน้ำ” เมื่อปี 2554
จากการแข่งขันของค้าปลีกที่สูงขึ้นทุกปี ยิ่งการแข่งขันในย่านประตูน้ำไปจนถึงราชประสงค์ ทำให้แพลทินัมมีการปรับตัวอย่างมาก จากเดิมที่มีการวางจุดยืนเป็นห้างค้าส่งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตอนนี้แพลทินัมได้อัพสเกลให้ใหญ่ขึ้นด้วยการตั้งเป้าเป็น Fashion Wholesale Hub of Asean ก็คือไม่ใช่ห้างแฟชั่นสำหรับคนไทยอย่างเดียว แต่รวมไปถึงคนทั้ง “อาเซียน”
เพราะฉะนั้นจึงมีการจับกลุ่มนักท่องเที่ยวมากขึ้น กลยุทธ์ของแพลทินัมได้มีการปรับโซนนิ่งให้ดูน่าเดิน ปรับพื้นที่ชั้น 6 ให้มีกลุ่มเครื่องสำอางขายส่ง มีสินค้าไอที ของฝากต่างๆ รวมถึงโปรเจ็คต์ใหญ่ในการสร้างสะพานเชื่อม Bangkok Sky Line ที่ร่วมทุนกับกลุ่มเกษรในสัดส่วนคนละ 49.90% ด้วยงบลงทุน 400 ล้านบาท เป็นสะพานเชื่อมจากห้างเกษรมายังแพลทินัม สามารถดึงลูกค้าให้เพิ่มขึ้นถึง 10% ตั้งแต่เปิดอย่างเป็นทางการในเดือนกรกฎาคม มียอดทราฟิกเฉลี่ยวันละ 65,000 คน
ชาญชัย พันธุ์โสภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า
“ย่านประตูน้ำเป็นย่านประวัติศาสตร์ในการขายส่ง แต่ก่อนเราตั้งเป้าเป็นห้างใหญ่สำหรับคนไทย แต่ตอนนี้เราต้องการเป็นฮับของอาเซียน เพราะเห็นเทรนด์นักท่องเที่ยวเติบโตมากขึ้น และมาซื้อของที่บ้านเราไปขายต่อที่ประเทศเยอะ บางทีไปขายต่อได้ราคามากกว่า 3-4 เท่า เหมือนเขามาเที่ยวฟรีแล้ว ก็ทำให้เขาอยากมาเที่ยวอยู่เรื่อยๆ เป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน”
ตอนนี้ทราฟิกคนเข้าห้างแพลทินัมเฉลี่ยอยู่วันละ 50,000-60,000 คน ซึ่ง 60% เป็นลูกค้าคนไทย และ 40% เป็นลูกค้าต่างชาติ กลุ่มลูกค้าต่างชาติกลุ่มหลักในตอนนี้จะมีสิงคโปร์ และมาเลเซีย แต่อินโดนีเซียมีการเติบโตสูงขึ้น เพราะตอนนี้มี “มุสลิมแฟชั่น” มากขึ้น มีการมาซื้อสินค้าในไทย และไปขายต่อที่ประเทศเขา
ขยายอาณาจักรไปตลาดนัด-มิกซ์ยูส
ยุทธศาสตร์ของเดอะ แพลทินัม กรุ๊ปตอนนี้โฟกัสที่ทำเลย่านประตูน้ำ แต่เป็นการขยายตลาดไปยังกลุ่มอื่น ที่จับกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ได้นำร่องเปิด “ตลาดนีออน” เมื่อธันวาคม 2559 เป็นตลาดนัดกลางคืนตั้งแต่ช่วงเวลาเย็นๆ ไปจนถึงเที่ยงคืน มีพื้นที่ 5,000 ตารางเมตร
อีกหนึ่งโครงการที่ได้ลงเสาเข็มไปแล้วก็คือ “The Market Bangkok” ทำเลอยู่ตรงข้ามศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ คอนเซ็ปต์เป็นโครงการมิกซ์ยูสรวมค้าปลีก ออฟฟิศ และโรงแรม บนพื้นที่รวม 20 ไร่ มูลค่า 5,800 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ช่วงปลายปี 2561 กลุ่มที่โฟกัสเป็นพิเศษคือ “นักท่องเที่ยวจีน”
การขยายพื้นที่ชองแพลทินัม เหมือนเป็นการเติมจิ๊กซอว์ในกลุ่มให้เต็ม ให้ครบทั้งค้าปลีก ค้าส่ง ตลาดนัด และจับทุกกลุ่มตั้งแต่คนไทย และชาวต่างชาติ
ลองคิดคร่าวๆ ถึง Ecosystem ของแพลทินัมในการดึงลูกค้าให้อยู่ในกลุ่มตลอด ช่วงกลางวันเดินชอปปิ้งที่แพลทินัม ตอนค่ำๆ ดึกๆ เดินชิลล์ที่ตลาดนัดนีออน รวมถึงแฮงเอาท์ด้วย ส่วน The Market มีทั้งกลุ่มออฟฟิศ โรงแรมที่ดึงทราฟิกเข้าศูนย์
ทำให้ตอนนี้กลุ่มแพลทินัมมีพื้นที่ค้าปลีกรวมในย่านประตูน้ำ 2.33 แสนตารางเมตร แบ่งเป็น The Market 200,000 ตารางเมตร The Platinum Fashion Mall 28,000 ตารางเมตร และตลาดนีออน 5,000 ตารางเมตร
เป้ารายได้เกิน 2,000 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการของเดอะ แพลทินัม กรุ๊ปในช่วง 9 เดือนแรกมีรายได้รวม 1,515 ล้านบาท เติบโต 10% และตั้งเป้าทั้งปีมีรายได้ 2,000 ล้านบาท
แบ่งสัดส่วนรายได้เป็น พื้นที่เช่า 59% โรงแรม 19% และอื่นๆ 22%
Timeline เปิดอสังหาริมทรัพย์ของแพลทินัม
– ปี 2548 The Platinum Fashion Mall
– ปี 2554 โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ แพลทินัม ประตูน้ำ
– ปี 2558 เดอะ วอร์ฟ สมุย
– ปี 2559 สะพานเชื่อม Bangkok Sky Line และตลาดนีออน
– ปี 2561 (คาดการณ์) The Market Bangkok
สรุป
การแข่งขันของค้าปลีกมนยุคนี้มีทุกย่านธุรกิจ แต่เดอะ แพลทินัม กรุ๊ปเดินหมากในการสร้างจุดแข็งในย่านประตูน้ำ อาศัยความเป็นประวัติศาสตร์ของการค้าส่งเป็นตัวนำ และตามด้วยค้าปลีกอื่นๆ ทั้งตลาดนัด เพราะเป็นเทรนด์ของผู้บริโภคยุคนี้ที่ชอบเดินตลาดกลางคืน และโครงการมิกซ์ยูส ซึ่งเป็นการขยายกลุ่มลูกค้า และขยายธุรกิจให้เติบโตมากขึ้น
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา