มองเกมอุตสาหกรรมบุหรี่ปี 2560 เมื่อยักษ์ใหญ่ Philip Morris เตรียมสร้างธุรกิจใหม่ทดแทนยาสูบ

เมื่อคนรักสุขภาพมากขึ้น โอกาสของธุรกิจที่อาจทำให้สุขภาพของผู้บริโภคแย่ลงก็คงอยู่ลำบาก ซึ่งหนึ่งในนั้นต้องมีธุรกิจบุหรี่แน่นอน เพราะมีหลายผลการวิจัยพบว่าทำลายตั้งแต่ปอด, สมรรถภาพทางเพศ จนไปถึงคนรอบข้าง ที่สำคัญทางหน่วยงานรัฐก็บีบธุรกิจนี้ให้ทำการตลาดได้ลำบาก เพื่อหยุดนักสูบหน้าใหม่ และจุดนี้เองทำให้ Philip Morris ต้องคิดการใหญ่เลยทีเดียว

ภาพ pixabay.com
ภาพ pixabay.com

จากยักษ์ใหญ่ในโลกยาสูบ กลับต้องมาหาธุรกิจใหม่ประครองตัว

เว็บไซต์ Reuters รายงานว่า เมื่อสัปดาห์ก่อน กลุ่ม Philip Morris หนึ่งในผู้ผลิต และจำหน่ายบุหรี่รายใหญ่ของโลก ประกาศสร้างผลิตภัณฑ์อื่นเพื่อจำหน่ายในสหราชอาณาจักร เนื่องจากที่นั่นมีการกดดันให้ผู้ผลิต และจำหน่ายบุหรี่ ห้ามทำการตลาดบนซองบุหรี่ เช่นโลโก้ หรือสี และล่าสุดการขอให้ยกเลิกกฎหมายนี้ก็ไม่สำเร็จ เพราะทางรัฐบาลของสหราชอาณาจักรต้องการให้ผู้ผลิตยาสูบรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตจากบุหรี่กว่า 6 ล้านคน/ปี

มาร์ติน อิงค์สเตอร์ กรรมการผู้จัดการ Philip Morris ของสหราชอาณาจักร และไอร์แลนด์ กล่าวว่า หลังจากนี้เป้าหมายสูงสุดของบริษัทคือการออกจากธุรกิจบุหรี่ หรือในอนาคตอันใกล้อาจไม่เห็น Philip Morris ที่เป็นผู้จำหน่าย Marlboro ทั่วโลก (ยกเว้นสหรัฐอเมริกา) ไม่ได้จำหน่ายบุหรี่อีกต่อไป โดยก่อนหน้านี้ Philip Morris ผลิตบุหรี่มากกว่า 8.7 แสนล้านมวน/ปี และเริ่มคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่แล้ว เช่น IQOS ที่นำบุหรี่แบบดั้งเดิม กับบุหรี่ไฟฟ้ามารวมกัน

สำหรับ IQOS กลุ่ม Philip Morris ลงทุนวิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์นี้กว่า 3,000 ล้านดอลลาส์สหรัฐ (ราว 1 แสนล้านบาท) เพื่อก้าวสู่ผู้ผลิตสินค้ากลุ่ม Smokeless โดย IQOS ได้จำหน่ายกว่าสิบประเทศแล้ว เช่นญี่ปุ่น, สวิสเซอร์แลนด์ และอิตาลี และสิ้นปีนี้จะเข้าไปจำหน่ายทั้งหมด 20 ประเทศ และ 35 ประเทศในปี 2560 ผ่านจุดเด่นเรื่องสารเคมีอันตรายไม่ถึง 10% เมื่อเทียบกับบุหรี่ปกติ ส่วนราคาในอังกฤษอยู่ที่ 45 ปอนด์ (ราว 2,000 บาท) มาพร้อมตัวสูบ และ HeatStick

บุหรี่ไฟฟ้ากลายเป็นอีกทางออกของผู้ผลิต

ขณะเดียวกัน ผู้ผลิตบุหรี่รายอื่นก็ต้องดิ้นรนหานวัตกรรมใหม่ๆ มาใส่ในผลิตภัณฑ์เดิมเช่นเดียวกับ Philip Morris เช่นกลุ่ม Japan Tobacco ก็เตรียมทดสอบบุหรี่ไฟฟ้าที่ใช้นิโคตินเหลวเป็นเบสในการตอบโจทย์สิงห์อมควันยุคใหม่ รวมถึงกลุ่ม British American Tobacco (BAT) ก็เตรียมทุ่มงบประมาณกว่า 700 ล้านดอลลาส์ (ราว 25,000 ล้านบาท) เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าเช่นกัน จากเดิมที่ถือแบรนด์อาทิ Dunhill และ Lucky Strike

แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดที่สำเร็จ เพราะ Imperial Brands หนึ่งในสี่ยักษ์ใหญ่ของผู้ผลิตยาสูบ ผ่านแบรนด์ West, Winston และ Drum ก็ยังพัฒนาบุหรี่ไฟฟ้าไม่สำเร็จซักที จนไม่สามารถแข่งขันกับผู้เล่นรายอื่นในตลาด โดยเฉพาะรายย่อยที่ส่งสินค้าออกมาเกลื่อนตลาด ดังที่เห็นได้ตามพื้นที่ต่างๆ ในประเทศไทย

บุหรี่ไฟฟ้า // ภาพ pixabay.com
บุหรี่ไฟฟ้า // ภาพ pixabay.com

แพทย์ยันบุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ให้โทษหย่อนจากแบบเดิม

อย่างไรก็ตามการที่ผู้ผลิตยาสูบออกมาโฆษณาบุหรี่ไฟฟ้าว่า เมื่อสูบแล้วจะเสี่ยงต่อสุขภาพน้อยกว่าแบบเดิม ซึ่งจุดนี้ไม่จริงเสียทีเดียว เพราะจริงๆ ก็ยังมีโทษอยู่ ดังนั้นการโฆษณาแบบนี้จึงไม่เป็นไปตามข้อกฎหมาย และเมื่อบุหรี่ไฟฟ้ายังให้โทษอยู่ ก็ควรถูกกำกับเหมือนกับบุหรี่ทั่วไปเหมือนกัน

สรุป

เมื่อเป็นธุรกิจที่ให้โทษ และรัฐบาลของแต่ละประเทศก็บีบให้กลุ่มนี้ทำธุรกิจได้ยากขึ้น ดังนั้นอุตสาหกรรมยาสูบที่เคยรุ่งเรืองในอดีต อาจได้เห็นการปรับตัวครั้งใหญ่ในเร็ววันนี้ แต่ในฝั่งประเทศไทย ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเดินไปทางไหน นอกจากบีบเรื่องการทำตลาดเท่านั้น ที่สำคัญโรงงานยาสูบยังเป็นหนึ่งในธุรกิจของรัฐ จะหายไป หรือลดบทบาทก็คงไม่ใช่เรื่อง

 อ้างอิง // Philip Morris looks beyond cigarettes with alternative products

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา