ในขณะที่หลายองค์กรกำลังศึกษาการลงโฆษณาดิจิทัล เพราะผู้บริโภคเริ่มไหลไปอยู่บนโลกนี้มากขึ้น ทาง Procter & Gamble หรือ P&G กลับเลือกที่จะชะลอการลงทุนเรื่องนี้ และมองว่ามันได้ผลลัพท์ไม่ตรงกับที่องค์กรต้องการ
ไม่เกี่ยวกับ YouTube ทุกอย่างตัดสินใจเอง
ก่อนหน้านี้ YouTube ประกาศควบคุมการแสดงโฆษณาใน Channel ที่มีความรุนแรง หรือมีพฤติกรรมในด้านลบ เพื่อช่วยแบรนด์ที่ลงโฆษณานั้นไม่มีภาพลักษณ์ดังกล่าวติดกลับไปด้วย แต่นั่นไม่ได้เป็นปัจจัยที่ทำให้ P&G ตัดงบโฆษณาดิจิทัลลงแต่อย่างใด เพราะที่ทำลงไปก็มาจากการตัดสินใจจากฝ่ายบริหารทั้งหมด
โดยข่าวการตัดงบโฆษณาดิจิทัลนั้นมาจากการประกาศผลประกอบการไตรมาสที่สี่ของ P&G ที่ภายในเอกสารทางการเงินมีการระบุว่า ได้ตัดงบโฆษณาดิจิทัลในไตรมาสล่าสุดไปราว 100-140 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3,300-4,600 ล้านบาท ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับความกังวลในเรื่องภาพลักษณ์ของแบรนด์หากยังลงโฆษณาในช่องทางนี้
Jon Moeller ประธานเจ้าหน้าที่การเงินของ P&G บอกว่า ด้วยเนื้อหาบนโลกดิจิทัลหลายตัวเริ่มไม่ตรงกับภาพลักษณ์บริษัท ปรกอบกับผลลัพท์ตัวเลขที่ได้มาก็มาจาก Bot ที่สร้างขึ้นมาหลอกๆ ทำให้ทางองค์กรตัดสินใจชะลอการลงทุนเรื่องสื่อโฆษณาดิจิทัลไว้ชั่วคราว และรอให้ทุกอย่างกลับมาตรงกับมาตรฐานขององค์กรอีกครั้ง
Unilever, Johnson & Johnson ก็มีแนวโน้ม
อาจไม่ใช่แค่ P&G ที่ปรับลดการลงทุนโฆษณาดิจิทัล เพราะคู่แข่งสินค้าอุปโภคอย่าง Unilever และ Johnson & Johnson ก็มีแนวโน้มที่จะตัดงบประมาณเรื่องนี้เช่นกัน โดยมาจากเหตุผลเรื่องยอดขายที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่ง P&G ก็น่าจะตัดงบด้วยปัญหานี้ด้วย เพราะมีกำไรเติบโตเพียง 1% และรายได้ในสหรัฐอเมริกาก็เพิ่มขึ้น 2% เท่านั้น
ทั้งนี้เมื่ออ้างอิงข้อมูลจากบริษัทสำรวจ Kantar พบว่า P&G ลงโฆษณาในประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2559 ถึง 2,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นองค์กรที่ใช้เงินโฆษณามากที่สุดที่นี่ ดังนั้นคงต้องเฝ้าดูกันต่อไปว่า P&G และคู่แข่งรายอื่นๆ จะกลับมาลงทุนโฆษณาดิจิทัลเพิ่มขึ้นเมื่อไหร่ และปัญหาเรื่องเนื้อหารายการกระทบต่อภาพลักษณ์องค์กรจะจบไปหรือไม่
สรุป
หากโฆษณาของแบรนด์ไปอยู่กับช่องที่มีเนื้อหารุนแรงจริงๆ ผู้บริโภคก็อาจเข้าใจผิดว่าแบรนด์ให้การสนับสนุน และสร้างภาพลบให้กับตัวแบรนด์ได้เอง ซึ่งแบรนด์ก็คงไม่รู้ว่าไปขึ้นอยู่ตรงนั้นได้อย่างไร ดังนั้นถ้าไม่ขจัดปัญหานี้ออกไป ก็เท่ากับการลงโฆษณาดิจิทัลจะมีปัญหาต่อไปแน่ๆ และงานหนักก็คงตกไปอยู่ที่เอเยนซี่ ว่าจะสื่อสารผู้บริโภคบนโลกดิจิทัลอย่างไรถึงจะมีประสิทธิภาพที่สุด
อ้างอิง // AdWeek
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา