2 นักลงทุนชื่อดังขึ้นเวทีเสวนาที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ในหัวข้อ “เทคโนโลยีกับการเมือง” ประเด็นที่น่าสนใจคือมีการพูดถึง สกุลเงินดิจิทัล และปัญญาประดิษฐ์ เปรียบเทียบกับแนวคิดทางการเมือง
มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดจัดงานเสวนาในหัวข้อ เทคโนโลยีกับการเมือง (Technology and Politics) โดยเชิญ Peter Thiel (ปีเตอร์ ธีล) นักลงทุนชื่อดังและอดีตผู้ร่วมก่อตั้ง PayPal และ Reid Hoffman (รีด ฮอฟฟ์แมน) นักลงทุนผู้เชี่ยวชาญด้านอินเทอร์เน็ตและอดีตผู้ร่วมก่อตั้ง LinkedIn เครือข่ายหางานที่ใหญ่ที่สุดในโลก อย่างไรก็ตาม ทั้งสองคนถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม PayPal มาเฟียแห่ง Silicon Valley
*ขณะอ่านให้ระลึกไว้เสมอว่าเป็นความเห็นของ Peter Thiel และ Reid Hoffman*
มุมมองเทคโนโลยีกับแนวคิดทางการเมือง
ในระหว่างการเสวนา เมื่อเข้าหัวข้อเทคโนโลยีกับเสรีภาพ Thiel เริ่มต้นด้วย 2 เรื่องใหญ่ที่วงการ Silicon Valley กำลังให้ความสนใจอย่างมากคือ Cryptocurrency (สกุลเงินดิจิทัล) และ Artificial Intelligence (ปัญญาประดิษฐ์)
Thiel บอกว่า ถ้าพูดถึงเทคโนโลยีกับการเมืองในปัจจุบัน มันคือเรื่องของการรวมศูนย์อำนาจ (centralization) และกระจายอำนาจ (decentralization) พร้อมทั้งบอกว่า
“crypto คือเสรีนิยม ส่วน AI เป็นคอมมิวนิสต์”
Thiel ขยายความต่อว่า สกุลเงินดิจิทัลอย่าง Bitcoin หรือ Ethereum คือเสรีนิยมหมายความว่า เทคโนโลยี Crypto เป็นระบบที่เปิดกว้าง ทุกคนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการใช้และจัดการข้อมูลได้ เป็นต้นว่า การรับส่งเหรียญสามารถทำผ่านการเข้ารหัสที่เป็นส่วนตัวและเชื่อถือได้
ในขณะที่เทคโนโลยีอย่าง AI เป็นคอมมิวนิสต์ในสายตาของ Thiel เพราะ AI ไม่ใช่เทคโนโลยีที่จะใช้โดดๆ แต่จำเป็นต้องใช้ร่วมกับ Big Data และพัฒนาจนเป็น Machine Learning สามารถบันทึกและวิเคราะห์ข้อมูล รูปภาพ พฤติกรรมของมนุษย์ และอีกสารพัดสิ่งได้อย่างมหาศาล
ถ้าพูดกันในทางประวัติศาสตร์แล้ว จะเห็นได้ว่าระบอบคอมมิวนิสต์ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นยุคโซเวียตรัสเซีย หรือในยุคเหมาเจ๋อตุง ต่างต้องการควบคุมและรวมศูนย์อำนาจ โดยเฉพาะทางการเมืองและเศรษฐกิจ
ดังนั้น Thiel จึงมองว่า AI ในอนาคตที่นับวันจะมีประสิทธิภาพขึ้นเรื่อยๆ จะเข้ามารวบอำนาจและควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างได้ และนี่เองที่เป็นเหตุผลว่า “ทำไมพรรคคอมมิวนิสต์จีนถึงเกลียด Crypto และชอบ AI”
ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง Hoffman มองถึงประเด็นเรื่องเทคโนโลยีกับการเมืองไว้ว่า เอาเข้าจริงแล้ว Crypto อาจจะไม่ใช่เสรีนิยมในความหมายนั้น แต่น่าจะเป็นอนาธิปไตย (anarchy) หรือที่เข้าใจกันว่าเป็นลัทธิที่ไม่ต้องการให้มีรัฐมาควบคุมมากกว่า
ส่วน AI ก็ไม่อาจจะไม่ใช่คอมมิวนิสต์ แต่น่าจะเป็นหลักนิติรัฐ-นิติธรรม (the rule of law) เสียมากกว่า โดยเฉพาะในหมายความที่ว่า ยังมีผู้ควบคุม/ปกครอง และแม้จะมีข้อมูลมหาศาลมากแค่ไหน ถึงที่สุดยังจำเป็นต้องใช้หลักสิทธิมนุษยชนในการดำเนินการ เอื้อให้เกิดเสรีภาพ และไม่ก้าวก่ายสิทธิส่วนบุคคลของประชาชน
Hoffman มองว่า หลังจากนี้ถ้าจะพูดถึงผลกระทบของเทคโนโลยีต่อการเมือง เขาคิดว่าโลกกำลังต้องการข้อตกลงร่วมกันที่เรียกว่า “จริยธรรมแบบสไปเดอร์แมน” ที่กล่าวเอาไว้ว่า พลังที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบ
ถึงที่สุดแล้ว ทั้งหมดนี้เป็นมุมมองของนักลงทุนที่คลุกคลีกับวงการเทคโนโลยีมานาน ส่วนผู้อ่านที่กำลังสนใจเรื่องเหล่านี้ โปรดใช้วิจารณญาณพิจารณาให้ละเอียดและถี่ถ้วนก่อนที่จะเชื่อ
เพิ่มเติม
สำหรับ Peter Thiel อาจไม่ใช่เรื่องแปลกที่มุมมองของเขาค่อนข้างจะเป็นบวกต่อสกุลเงินดิจิทัล เพราะเมื่อไม่นานมานี้เอง กองทุนของเขาเพิ่งมีการลงทุนใน Bitcoin มูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา