ทุกคนเคยสังเกตไหมว่าทำไม Netflix ถึงรู้ว่าเราชอบดูหนังแนวไหน หรือ Shopee รู้ว่าเราสนใจซื้ออะไร นั่นคือพลังของ Personalized Marketing การทำการตลาดที่เข้าใจลูกค้าเป็นรายบุคคล ไม่ใช่แค่ส่งข้อความเดียวกันให้ทุกคน แต่เป็นการสร้างประสบการณ์พิเศษที่ทำให้ลูกค้าจดจำแบรนด์เราไปนาน ๆ เพื่อให้เห็นภาพกันมากขึ้น วันนี้เราจะมาอธิบายว่าการตลาดแนวนี้คืออะไร ทำไมถึงเป็นสิ่งที่ธุรกิจต้องให้ความสำคัญ
Personalized Marketing คืออะไร ทำไมธุรกิจยุคนี้ต้องทำ
Personalized Marketing คือ การทำการตลาดแบบรายบุคคล เปรียบเสมืออนการที่เราคุยกับเพื่อนสนิทแล้วเรารู้ว่าเขาชอบอะไร เกลียดอะไร แล้วเราก็พูดในสิ่งที่เขาสนใจเพื่อช่วยยืดบทสนทนาให้นานที่สุด ซึ่งในแง่ของธุรกิจก็คือการทำให้ลูกค้าติดอยู่กับแบรนด์เรานานขึ้น เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น เรามาดูสาเหตุกันดีกว่า
- ลูกค้าใส่ใจมากขึ้น : เมื่อได้รับข้อความที่เกี่ยวกับตัวเอง ลูกค้าจะอ่านและสนใจมากกว่าข้อความทั่วไปที่ส่งแบบไม่เจาะจง
- สร้างความผูกพันกับแบรนด์ : การดูแลแบบส่วนตัวทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์เราเข้าใจและให้ความสำคัญกับเขา
- สร้างยอดขายได้มากขึ้น : เมื่อแนะนำสินค้าที่ลูกค้าต้องการจริง ๆ โอกาสที่เขาจะซื้อก็สูงขึ้น
- ประหยัดเงินโฆษณา : แทนที่จะโฆษณาให้คนทั้งโลกเห็น เราส่งให้คนที่สนใจจริง ๆ ได้ผลดีกว่าและประหยัดกว่า
4 ขั้นตอนเริ่มต้นทำ Personalized Marketing อย่างไรให้ได้ใจลูกค้า
การทำ Personalized Marketing ไม่ได้ยากอย่างที่คิด แค่ทำเป็นขั้นตอนและค่อย ๆ เรียนรู้ไปเรื่อย ๆ ธุรกิจเล็ก ๆ ก็สามารถทำได้ เราลองมาดูว่าต้องเริ่มจากไหนกันบ้าง
1. รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า
เริ่มจากการรู้จักลูกค้าก่อน เก็บข้อมูลพื้นฐาน เช่น อายุ เพศ อาชีพ และสิ่งที่สำคัญคือพฤติกรรม เช่น ชอบซื้ออะไร ซื้อเมื่อไหร่ ใช้เวลาดูเว็บไซต์เราเท่าไหร่ ข้อมูลเหล่านี้จะบอกเราว่าลูกค้าแต่ละคนต้องการอะไร
2. เลือกช่องทางและเครื่องมือสื่อสารที่ใช่
เมื่อรู้จักลูกค้าแล้ว ต้องเลือกช่องทางที่เหมาะสม คนรุ่นใหม่อาจชอบได้ข้อความผ่าน Line หรือ Instagram คนวัยทำงานอาจชอบอีเมล ส่วนข้อความสำคัญ ๆ ที่ต้องการให้เห็นทันที SMS ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกัน เพราะคนเรามักจะอ่าน SMS ภายใน 3 นาทีหลังได้รับ
3. สร้างสรรค์ข้อความและคอนเทนต์ที่ดีสำหรับแต่ละบุคคล
ตรงนี้คือจุดสำคัญ แทนที่จะเขียนข้อความว่าแบบทั่ว ๆ ไป หรือแทนที่จะแนะนำสินค้าทุกอย่าง ลองแนะนำแค่สินค้าที่เขาเคยซื้อหรือดูไว้ผ่าน Data ที่เก็บไว้ เช่น “เสื้อยืดที่คุณชอบลดราคาแล้วนะ” การใส่ใจเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้จะทำให้ลูกค้าประทับใจมากกว่า และมีโอกาสสั่งซื้อสินค้ามากขึ้น
4. วัดผลและปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ
ส่งข้อความไปแล้วอย่าลืมดูผลด้วย ลูกค้าเปิดอ่านไหม คลิกลิงก์ไหม ซื้อสินค้าไหม ถ้าผลไม่ดี ลองปรับเปลี่ยนดู อาจจะเปลี่ยนเวลาส่ง เปลี่ยนข้อความ หรือเปลี่ยนช่องทาง การทดลองและเรียนรู้จากผลตอบรับจะทำให้เราทำได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ
จะเห็นได้ว่า Personalized Marketing ไม่ใช่เรื่องไกลตัว แค่เราเข้าใจลูกค้าและดูแลเขาเหมือนคนสำคัญ ลูกค้าก็จะรู้สึกดีกับแบรนด์เรา ที่สำคัญคือต้องทำอย่างต่อเนื่องและปรับปรุงไปเรื่อย ๆ จากสิ่งที่ลูกค้าตอบรับ แต่หากคุณต้องการเริ่มทำ Personalized Marketing ด้วย SMS ที่ส่งตรงถึงใจลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการส่งโปรโมชันพิเศษเฉพาะสมาชิก แจ้งข่าวสาร หรืออัปเดตข้อมูลต่าง ๆ deeSMSX พร้อมช่วยธุรกิจคุณส่งข้อความที่ใส่ชื่อลูกค้า และปรับแต่งได้ตามต้องการ ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 0.15 บาท/ข้อความ ผ่านระบบใช้งานง่าย และมีทีมงานมืออาชีพคอยดูแล ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 02-095-5168 Line @deecom หรือ เฟซบุ๊ก deeSMSX
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา