ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ สำหรับผู้จัด วู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา ที่จะนำพางาน S2O Songkran Music Festival สู่ปีที่ 10 และเป็นหนึ่งในมหกรรมดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศไทยที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม สะท้อนถึงความสำเร็จ และศักยภาพของเทศกาลดนตรีสัญชาติไทยที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

แต่ วู้ดดี้ ย้ำว่า การมาจัดงานที่ ราชมังคลากีฬาสถาน ถือเป็นการนับหนึ่งใหม่ ถึงแม้ว่าในครั้งนี้ถือเป็นการจัดงานปีที่ 10 ในไทย หรือแม้กระทั่งประสบการณ์ในการจัดงานในนานาประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง จีน และนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ก็ตาม
“บางคนคิดว่า การย้ายจากที่จัดงานเดิม Live Park พระราม 9 ที่จุคนได้ประมาณ 2.5 หมื่นคนไปยัง ราชมังคลากีฬาสถาน จะรองรับคนมาเที่ยวได้เพิ่มหลายหมื่นคน และรายได้ก็จะมากขึ้น แต่เปล่าเลย เราจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวเพื่อให้ได้ประสบการณ์ที่ดีที่สุด ไม่แออัด และคำนึกถึงความปลอดภัยเป็นเรื่องหลัก ไว้ไม่ให้เกิน 35,000 คน ตอนนี้บัตรเราขายหมดเกลี้ยงแล้วทุกรูปแบบ ทั้ง GA, VIP แบบหนึ่งวัน สามวัน รวมๆ แล้วประมาณ 100,000 ใบ ตลอดระยะเวลาจัดงาน 3 วัน รวมไปถึง โต๊ะ VVIP ที่มี 3 โต๊ะต่อวัน 1.9 ล้านบาทขายหมดแล้ว คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาร่วมงานกว่า 100,000 คน (เฉลี่ยวันละประมาณ 35,000 คน)
การย้ายมาจัดงานที ราชมังคลากีฬาสถาน ทุกอย่างเราเริ่มใหม่ ทั้งเรื่องของเวทีที่มีการออกแบบใหม่หมดที่การันตีด้วยความกว้างที่ยาวที่สุด 110 เมตร รวมไปถึง Production ใหม่ที่รองรับกับสถานที่ พร้อมด้วยเทคโนโลยีการฉีดน้ำแบบ 360 องศาสุดล้ำ และที่สำคัญความปลอดภัยและความยั่งยืนเพื่อรองรับมาตรฐานระดับโลก”
สร้างเม็ดการการท่องเที่ยวในประเทศกว่า 1.4 พันล้านบาท
วู้ดดี้ เผยเพิ่มเติมว่า ในปีนี้ได้ทุ่มทุนกับเรื่องงาน Production และ DJ มากที่สุดกว่า 300 ล้านบาท คาดว่ารายได้จะเติบโตประมาณ 25% และสร้างรายได้ประมาณ 350 ล้านบาท โดยนักท่องเที่ยวที่เข้าร่วมงานกว่าครึ่งเป็นชาวต่างชาติที่คาดการณ์การใช้จ่ายในประเทศไม่รวมค่าบัตรเข้าร่วมงานตลอดระยะเวลาเทศกาลสงกรานต์ประมาณ 20,000 บาทต่อคน สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนกระตุ้นเศรษฐกิจในไทยกว่า 1.4 พันล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าจะกระจายรายได้ไปยังธุรกิจท้องถิ่นไม่ว่าจะเป็น โรงแรม ร้านอาหาร การขนส่ง และบริการอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ยังได้ผลพลอยได้จากการเผยแพร่ภาพเทศกาลผ่านสื่อดิจิทัลทั่วโลกยังเป็นการประชาสัมพันธ์ประเทศไทย ตอกย้ำชื่อเสียงของประเทศไทยในฐานะผู้นำด้านวัฒนธรรมและความบันเทิง
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมเทศกาลดนตรีมีการแข่งขันสูงขึ้นทุกปี S2O ได้เตรียมกลยุทธ์เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาด ไม่ว่าจะเป็น การสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง การดึงดูดกลุ่มศิลปินชั้นนำ และการนำเทคโนโลยีเข้ามาผสมผสาน เพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้รับ ประสบการณ์ที่แปลกใหม่และคุ้มค่าที่สุด รวมทั้งมุ่งเน้นการขยายตลาดผ่าน พันธมิตรเชิงกลยุทธ์ระดับโลก ซึ่งจะมีบทบาท สำคัญในการยกระดับสู่เทศกาลดนตรีน้ำที่มีอิทธิพลที่สุดในเอเชีย โดยชูจุดแข็งของ S2O ในฐานะงานที่มีฐาน แฟนเพลง ขนาดใหญ่ สามารถสร้างมูลค่าทางการตลาดและมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคในกลุ่มนักท่องเที่ยว สายดนตรีและไลฟ์สไตล์
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา