หมดปัญหาพัสดุส่งไม่ถึงมือ Park N Parcel กลุ่ม Startup จากสิงคโปร์เดิน Sharing Economy แก้ Pain Point

แม้ผู้ให้บริการ Ecommerce จะพัฒนา Solution ต่างๆ มาแก้ Pain Point ในการซื้อสินค้าแบบนี้ เรื่องการส่งแล้วไม่ได้รับก็ยังเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตก แต่วันนี้ Park N Parcel กลุ่ม Startup จากสิงคโปร์เตรียมเข้ามาแก้ปัญหาเรื่องนี้แล้ว

ภาพจาก Facebook ของ Park N Parcel

Sharing Economy กับการส่งสินค้า

ตัว Park N Parcel เป็นตัวกลางเชื่อมต่อระหว่างผู้สั่ง กับผู้ส่งสินค้า ผ่านการเปิดรับสมัครคนที่อยู่บ้านเป็นประจำ และห้างร้านต่างๆ เข้ามาเป็น Parker หรือคนกลางในการรับฝากพัสดุ เพื่อลดความผิดพลาดในการขนส่ง ที่นอกจากจะเสียเวลาผู้สั่งซื้อสินค้าในการไปติดต่อไปรษณีย์ หรือบริษัทขนส่งแล้ว ยังเพิ่มต้นทุน 5-10 ดอลลาร์สิงคโปร์ให้กับบริษัทขนส่งในการมาส่งพัสดุซ้ำ

Bryan See Toh ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าทีบริหาร Park N Parcel เล่าให้ฟังว่า เพื่อลดปัญหาทั้งฝั่งผู้ซื้อ และผู้ส่ง จึงคิดบริการนี้ขึ้นมา และถึงบริการนี้จะคล้ายกับการเช่า Locker ในการส่งพัสดุ แต่ด้วยตัวระยะทางที่ส่วนใหญ่จะห่างจากที่พักอาศัยราว 2.5 กม. รวมถึงไม่คุ้มหากไม่ซื้อสินค้าบ่อย ทำให้ตัว Park N Parcel ได้เปรียบกว่า

ภาพจาก Facebook ของ Park N Parcel

สำหรับการใช้งาน Park N Parcel จะทำบนเว็บไซต์ทั้งหมด โดยผู้ที่สนใจต้องสมัครกรอกรายละเอียด หลังจากนั้นบนเว็บจะแสดง Parker ที่ใกล้บ้านในรัศมี 1 กม. มาให้เลือก พร้อมกับให้รหัสส่วนตัวในการยืนยันรับพัสดุมา โดยผู้ใช้จะต้องกรอกรหัสหลังช่องนามสกุลของการสั่งสินค้าบนเว็บไซต์ต่างๆ พร้อมกับกรอกที่อยู่ของ Parker จากนั้นก็ไปรับสินค้าจาก Parker ได้เลย

60 บาทกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตามการใช้บริการ Park N Parcel จะมีค่าบริการ 2.50 ดอลลาร์สิงคโปร์/การส่ง หรือราว 60 บาท โดยตัว Parker จะได้รับ 1 ดอลลาร์ ส่วนที่เหลือจะหักเข้าบริษัทเพื่อนำมาพัฒนาระบบต่อไป ส่วนจำนวน Parker ในระบบตอนนี้มีอยู่ 1,000 ราย 70% เป็นผู้อยู่บ้านประจำ เช่นแม่บ้าน และคนวัยเกษียณ ที่เหลือเป็นห้างร้าน เช่นร้านกาแฟ และช้อปต่างๆ

จำนวน Parker กว่า 1,000 รายในสิงคโปร์ // ภาพจาก Facebook ของ Park N Parcel

“Park N Parcel เติบโตเร็วมาก เพราะเราเริ่มต้นธุรกิจเมื่อเม.ย. 2559 และตอนนี้ก็ระดมทุนถึง Pre-Seed Level แล้ว ผ่านมูลค่ากว่า 2 แสนดอลลาร์ และมียอดการส่งกว่า 100 พัสดุ/เดือน ถือเป็นยอดเติบโต 200% และปีนี้ตั้งเป้าเพิ่ม Parker เป็น 2,000 คน รวมถึงเจรจากับห้างร้าน และบริษัทขนส่งเพื่อช่วยกันควบคุมต้นทุนด้วย”

สิงคโปร์แค่เริ่ม แต่เอเชียกำลังไป

ที่สำคัญตัว Park N Parcel เองมีแผนที่จะขยายไปในตลาดเอเชีย เช่นญี่ปุ่น, ฮ่องกง, มาเลเซีย และไทยอีกด้วย เพราะประเทศเหล่านี้มี Ecommerce ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และตัวบริการนี้น่าจะเข้าไปช่วยแก้ปัญหาเรื่องการขนส่งสินค้าได้ รวมถึงยังสร้างโอกาสการเติบโตให้กับบริษัทเช่นกัน

สรุป

การจะไปฝากพัสดุไว้กับใครซักคนหนึ่งต้องอาศัยความเชื่อใจเป็นอย่างมาก เพราะหากเป็นพัสดุที่มีมูลค่า ย่อมเสี่ยงอันตรายแน่ ดังนั้นการเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยก็อาจจะยาก แต่ก็ยังมีโอกาสสำเร็จอยู่ เพราะคนไทยคงไม่ไร้น้ำใจขนาดนั้น ยิ่ง Millennial เริ่มใช้ชีวิตเองมากขึ้น การออกจากบ้าน และกลับบ้านไม่ตรงเวลาก็น่าจะเยอะ แต่ก็ยังสั่งสินค้า Ecommerce และก็ไม่ได้รับจำนวนมาก

อ้างอิง // INC

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา