ตอนนี้ใครๆ ก็มองเรื่องเทคโนโลยี และนำเรื่องนี้มาประยุกต์ใช้กับธุรกิจตัวเองทั้งนั้น ไม่เว้นแต่ Papa John’s ร้านเชนพิซซ่าชื่อดังในสหรัฐอเมริกา ก็ประกาศว่าตัวเองจะคิดแบบ Tech Company ไม่ได้มองตัวเองเป็นร้านอาหารเชนทั่วไปอีกแล้ว
อิทธิพล Amazon และ Uber เข้าครอบงำ
เชนร้านอาหารดังๆ นั้นอยู่คู่กับสหรัฐอเมริกามาหลายสิบปี และทุกคนแทบจะมองตัวเองเป็นร้านอาหารยุคเก่า หรือ Brick-and-Mortar เพราะการอยู่แบบเดิมๆ ก็ยังสร้างยอดขายให้กับธุรกิจได้เหมือนเดิม แต่พอมีการเกิดขึ้นของ Amazon และ Uber ก็ทำให้ร้านเหล่านี้คิดใหม่ และพยามยามลงทุนในเทคโนโลยี เพื่อก้าวสู่ Tech Company กันมากขึ้น
Brandon Rhoten ประธานเจ้าหน้าที่การตลาดของ Papa John’s เล่าให้ฟังว่า ตอนนี้ทางเปลี่ยนใกล้จะถึงจุดที่เป็น Tech Company เต็มตัวแล้ว เพราะผู้บริโภคไม่ได้จำเป็นต้องมาสั่งแค่หน้าร้าน หรือโทรสั่งอีกต่อไป หากใครยังคิดแบบ Brick-and-Mortar อยู่ ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องนัก
สำหรับตัวร้าน Papa John’s นั้นได้วางตัวเองเป็น Ecommerce Company ผ่านสินค้าที่มีคือพิซซ่าหน้าต่างๆ และเมื่อโฟกัสด้านนี้มากขึ้น ผลลัพท์ที่ดีก็ออกมาอย่างชัดเจน เพราะตัวเลขยอดขายถึง 60% มาจากช่องทางดิจิทัล และส่วนใหญ่เป็น Application บนมือถือ
ไม่ใช่แค่ Papa John’s แต่ร้านพิซซ่ารายอื่นก็ทำ
Baron Concors ประธานเจ้าหน้าดิจิทัล ของ Pizza Hut บอกว่า Uber-ization คือแนวทางที่บริษัทต้องไป เพื่อยกระดับงานบริการให้กับลูกค้า เพราะจริงๆ แล้วเหมือน Uber จะเข้ามายกระดับการขนส่งคมนาคม แต่มันมากกว่านั้น หรือยกระดับทุกอุตสาหกรรม รวมถึงการค้า ดังนั้นบริษัทก็ต้องคิดแบบนั้นมากขึ้น
ทั้งนี้การมีเทคโนโลยีที่ดีนั้นช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันของธุรกิจต่างๆ เช่นทาง Pizza Hut, Domino’s และ Papa John’s ก็มียอดขายกว่าครึ่งที่มาจากช่องทางดิจิทัล ซึ่งทั้งหมดนี้มีการลงทุนนวัตกรรมแปลกๆ ด้วย เช่นรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตนเองของ Domino’s, รองเท้าที่สั่ง Pizza Hut ได้ทันที และ Papa John’s Application บน Apple TV
สรุป
เมื่อองค์กรใหญ่มองเรื่องนวัตกรรม และเทคโนโลยี แล้วทำไม SMEs ที่น่าจะคล่องตัวในการเปลี่ยนแปลงมากกว่าไม่ยอมเปลี่ยน โดยเฉพาะร้านค้าในประเทศไทย ที่ส่วนใหญ่ยังมองช่องทาง Traditional มากกว่า Digital ดังนั้นอยากให้ลองศึกษาแนวทางง Uber-izantion ดู เพราะมันน่าจะทำให้การปรับตัวนั้นง่ายขึ้น ผ่านการมองว่าทุกที่ก็ขายได้
อ้างอิง // Business Insider
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา