“เหงาครับ…หาเพื่อนทานข้าว”
“ขออนุญาตมอบเยี่ยมให้เลยครับ”
ถ้าคุณรู้จักคำพูดด้านบนเหล่านี้ นั่นก็แปลว่าคุณคงได้เห็นคอนเทนต์ของปังปอนด์ที่ออนทัวร์ไปยกนิ้วโป้ง เพื่อรีวิวเหตุการณ์ต่างๆ ที่ได้ประสบพบเจอในชีวิตประจำวัน (และแน่นอน รวมถึงรีวิวสินค้าขายของด้วย) แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะถ้าหากคุณไม่รู้จักเพจปังปอนด์ออนทัวร์มาก่อน บทสัมภาษณ์นี้จะทำให้คุณรู้จักตัวตนของเขามากขึ้น
เพจ “ปังปอนด์ออนทัวร์” เริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาจากตัวตน บุคลิก และวิธีการโพสต์เล่าเรื่องใน Facebook ที่แปลกและแหวกแนว จนถึงขนาดที่ในงานงานสัมมนาการตลาดและการสื่อสารดิจิทัลหรือ DAAT DAY 2018 ยังมีการดึงเอาไปเป็นกรณีศึกษา ในหัวข้อของการทำการตลาดผ่าน Micro-Influencer
- ถ้าใครที่อยากชมบทสัมภาษณ์ปังปอนด์ในรูปแบบวิดีโอ สามารถรับชมได้จาก YouTube ด้านล่างนี้
เจ้าของเพจปังปอนด์ออนทัวร์ มีชื่อเล่นว่า “ปังปอนด์” ส่วนชื่อจริงคือ วชิร ละอองเทพ ปัจจุบันอายุ 25 ปี เติบโตมาจากหาดใหญ่ เรียนจบมัธยมศึกษาจากบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) และจบปริญญาตรีในคณะวารสารศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อีกด้านของชีวิตเขา-ถ้าไม่ได้ทำเพจอย่างในทุกวันนี้ เขาก็คือเจ้าของร้านอาหารที่น่าสนใจคนหนึ่ง เพราะอายุเพียงเท่านั้น แต่เขาเคยเปิดร้าน “กู โรตีชาชัก” แถวสะพานควาย หลังจากนั้นก็ได้เปิดร้าน “ไอศกรีม Empty Tasty” แถวย่านอารีย์ และล่าสุดเขากำลังจะเปิดบาร์คาเฟ่แห่งใหม่แถวอนุสาวรีย์ในปลายปีนี้
จุดเริ่มต้นของการทำเพจคืออะไร
จุดเริ่มต้นของการทำเพจมันเกิดจากตัวผมเอง ตอนเรียนสมัยมหาวิทยาลัย มีเพื่อนเยอะ นัดกันไปกินข้าวด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกัน สังสรรค์กันบ่อยทุกวัน แต่พอหลังจากจบจากมหาวิทยาลัยไปแล้ว ส่วนใหญ่ไปทำงานประจำ แต่ผมไม่ได้ทำงานประจำ ผมไม่ค่อยได้เจอใครเลยเกิดความรู้สึกเหงา
ช่วงหลังมา ผมก็ไปกินข้าวคนเดียว ทำนู่นทำนี่คนเดียว จากนั้นผมก็เลยสร้างเพจขึ้นมา ชื่อเพจปังปอนด์ออนทัวร์ โดยคอนเซปต์ของเราก็คือ “เหงาครับ หาเพื่อนทานข้าว” ก็คือตรงกับชีวิตจริงเลย เหตุเกิดเพราะความเหงา คือพอเราเหงาก็หาเพื่อนทานข้าว
เหตุผลแรกที่ผมทำเพจก็เพราะต้องการให้เพื่อนเก่าๆ ที่ไม่ค่อยได้เจอกันเข้ามาติดตามชีวิตผมในเพจ ให้ความรู้สึกว่าเรายังอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ให้ความรู้สึกว่าเพื่อนยังไม่ลืมเรา เพราะติดตามชีวิตกันตลอด
ทำไมแทบทุกโพสต์ ต้องขออนุญาตทุกครั้ง
คำว่า “ขออนุญาต” มันเป็นคำพูดประจำตัวผม ผมพูดอยู่แล้วในชีวิตประจำวันจริงๆ คือทุกอย่างในเพจของผมมันมาจากชีวิตประจำวันของผมอยู่แล้ว ไม่ได้เซ็ตขึ้นมาใหม่
เพราะฉะนั้นคำว่า “ขออนุญาต” ที่ผมใช้ในเพจก็ไม่ได้หมายความว่า ขออนุญาตที่ใช้กับผู้ใหญ่ (แบบที่ทุกคนเข้าใจกัน) แต่มันเป็นคำขออนุญาตที่ใช้พูดกับเพื่อนสนุกๆ ยกตัวอย่างเช่น สมมติเราเจอเก้า สุภัสสรา แล้วเราได้เซลฟี่กับเขามา จากนั้นส่งรูปให้เพื่อนดู เราก็จะพิมพ์ว่า “ขออนุญาต เจอเก้าครับ” คือคำว่าขออนุญาตของผมจะเป็นเหมือนกับคำสร้อยก่อนที่จะเข้าเรื่องที่จะพูด
คอนเทนต์บนเพจ คิดเองหรือมีทีมช่วยคิด
ตามจริง ผมคิดคอนเทนต์เองหมดเลยครับ คือคิดเอง ถ่ายเอง โพสต์เอง แล้วก็ดูคอนเม้นท์เอง โดนด่าก็โดนด่าเองเหมือนกัน (ฮา)
การทำเพจของผมเกิดจากอยากทำ แล้วเราถ่าย อยากถ่าย เราก็ถ่ายเลย ทุกอย่างมันเรียลหมด ตั้งแต่เริ่มตื่นนอนมา เรียกได้ว่าตื่นนอน กินข้าว อาบน้ำ แปรงฟัน ออกมาข้างนอกบ้าน ขับรถมอเตอร์ไซค์ ไปถึงเริ่มงาน ทำงาน จนกระทั่งจบงาน ทุกๆ อย่างที่ผมทำมันเกิดจากความเรียลหมดเลย ผมไม่มีการเซ็ตล่วงหน้า คือไม่มีการนั่งคิดว่าถ้ากินข้าว จะถ่ายมุมไหน ไปถ่ายตรงนั้นตรงนี้ ต้องถ่ายมุมไหน ตื่นเช้ามาต้องถ่ายรูปมุมไหน คือสำหรับผม หยิบมือถือขึ้นมา ก็ถ่าย ถ่าย ถ่ายไปเลย
ทำไมต้องโพสต์รูปภาพเป็นอัลบั้ม
การโพสต์รูปที่ผมทำเป็นรูปอัลบั้ม แล้วเขียนแคปชั่นสั้นๆ ประกอบกับรูปถ่ายของตัวเองที่ถ่ายตามสถานการณ์ไปเรื่อยๆ ผมคิดว่ามันเหมือนการอ่านหนังสือการ์ตูน พออ่านหน้าแรกผ่าน หน้าสองผ่าน หน้าสามผ่าน คนอ่านก็จะรู้สึกเพลินตาม คือเราเน้นความเรียบง่ายๆ สบายๆ มากกว่า ที่สำคัญถ่ายรูปไม่จำเป็นต้องใช้กล้องดี คือลงไปเฉยๆ ส่วนแคปชั่น อยากเขียนอะไรก็เขียน แล้วก็เล่าๆๆ เล่าเรื่องไปตั้งแต่เริ่มจนจบ
ผมรู้สึกว่า ที่คนเข้ามาอ่านกันมาก แล้วรู้สึกว่าคลายเครียดได้ มันเป็นเหมือนว่าเราเข้าถึงกันง่าย คืออ่านง่าย แปปนึง เลื่อนปึ๊บ ปึ๊บ ปึ๊บ อ่านทีหนึ่ง 30-40 รูป จบ เหมือนเราได้นั่งอ่านเรื่องราวของชีวิตคนๆ นึงในหนึ่งวัน
ฝากถึงคนที่กำลังทำคอนเทนต์บนโลกออนไลน์
เอาจริงๆ ผมก็ไม่ใช่ Content Creator ที่มีชื่อเสียงขนาดนั้น ผมรู้สึกเหมือนว่าตัวเราเหมือนเป็นมือสมัครเล่นธรรมดา เป็นคนที่อยากทำอะไรที่แหวกใหม่ เป็นสิ่งแปลกใหม่ในโซเชียลมีเดีย อยากลองทำสิ่งที่มันเป็นตัวของตัวเอง
ถ้าจะให้แนะนำคนที่กำลังทำคอนเทนต์ เป็น Content Creator ผมคิดรู้สึกว่า สิ่งสำคัญคือ แค่เป็นตัวของตัวเราเองเท่านั้นก็พอแล้ว
[แถม] คิดว่าตัวเองกับนายฮ้อย ซาลาห์ (ของวงใน) ใครดังกว่ากันครับ?
ณ ตอนนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันครับผม แต่ว่าผมได้เปรียบอย่างนึงครับ เพราะผมพูดภาษาไทยได้ครับ (ฮา)
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา