Outdoor Delivery Robot หุ่นยนต์ส่งของสุดคิ้วท์ สร้างขนส่งพลังงานสะอาด-เพิ่มตัวช่วยพนักงาน โดยใช้ระบบนำทางอัตโนมัติ AI ไร้คนขับ-เพิ่มความปลอดภัย-ปั้น Tech Talent-ปั้นธุรกิจ New S-Curve เดินหน้าพัฒนาทักษะด้าน Coding-AI-Robotics ให้คนรุ่นใหม่ต่อเนื่อง ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนมหาวิทยาลัย ผ่าน RobotLAB Thailand-Creative AI Camp-PIM พร้อมเร่งสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ตอบโจทย์โลกแห่งอนาคต หวังดันรายได้จากกลุ่มธุรกิจใหม่ ด้านสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM) ตอกย้ำความสำเร็จ Work-based Education ผสานพลังคนรุ่นใหม่ ลุยปั้นหุ่นยนต์ส่งของรุ่นใหม่ ไซส์ใหม่ ให้เหมาะกับการใช้งานแต่ละพื้นที่
ชูศักดิ์ ทวีกิติกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท ออลล์ เวลเนส จำกัด ธุรกิจในกลุ่มบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหาร เซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ กล่าวว่า การพัฒนา Outdoor Delivery Robot หรือหุ่นยนต์ส่งของสุดคิ้วท์ ของร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ที่เป็นกระแสในโลกออนไลน์ในช่วงก่อนหน้านี้นั้น กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการพัฒนาในเฟสที่ 2 โดยแนวคิดที่ทางเครือมุ่งเดินหน้าพัฒนาหุ่นยนต์ดังกล่าวนั้น มีเบื้องหลังทั้งหมด 5 เรื่องด้วยกัน
1.สร้างขนส่งพลังงานสะอาด (Green Energy Delivery) นำหุ่นยนต์ซึ่งใช้พลังงานแบตเตอรี่ไฟฟ้า 100% เข้ามาช่วยให้เกิดการขนส่งที่ไม่ก่อมลภาวะ ไม่ส่งเสียงดัง 2.เพิ่มตัวช่วยด้านการขนส่งให้แก่พนักงาน (Delivery Assistant) ใช้เทคโนโลยีระบบนำทางอัตโนมัติ AI ไร้คนขับเข้ามาแบ่งเบาภาระการทำงานของพนักงานหน้าร้าน ในช่วงที่มีปริมาณการสั่งสินค้าเข้ามาพร้อมกันจำนวนมาก รวมถึงช่วยการขนส่งในเวลากลางคืน ตอบโจทย์การเป็นร้านที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง
3.เพิ่มความปลอดภัยแก่ผู้บริโภคและพนักงาน (Safety Delivery) ลดความกังวลเรื่อง COVID-19 ลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ 4.มอบโอกาส Tech Talent สร้างงานที่ท้าทายให้แก่เหล่า Tech Talent รุ่นใหม่ ได้ลงมือปฏิบัติจริงเกี่ยวกับงานด้าน AI และ Robotics สร้างโอกาสพัฒนาคน และดึงดูดให้บุคลากรที่มีความสามารถด้านเทคโนโลยีมาร่วมงานกับองค์กรมากขึ้น 5.ปั้นธุรกิจ New S-Curve สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ที่ตอบโจทย์โลกอนาคต โดยมองโอกาสการนำ Outdoor Delivery Robot เข้าไปช่วยตอบโจทย์การส่งของให้แก่บริษัทหรือร้านค้าอื่นๆ ใกล้ 7-Eleven ไปยังผู้บริโภคด้วย
“ที่ผ่านมา หุ่นยนต์มีบทบาทพลิกโฉมโลกไปพอสมควร แต่คนทั่วไปอาจยังมองไม่เห็น เนื่องจากส่วนใหญ่อยู่ในภาคอุตสาหกรรม เช่น หุ่นยนต์สร้างรถ ช่วยประกอบรถให้เสร็จภายในไม่กี่นาที หุ่นยนต์ภาคการเกษตร ช่วยรดน้ำ ให้ปุ๋ย แต่หลังจากนี้หุ่นยนต์จะยิ่งมีบทบาทใกล้ชิดชีวิตประจำวันของคนมากขึ้น เราได้เห็นหุ่นยนต์ดูดฝุ่นตามบ้าน กลายเป็นสินค้าขายดีระดับท็อป เราเริ่มเห็นหุ่นยนต์ Indoor Delivery Robot ตามร้านอาหาร ต่อไป เราอยากให้ Outdoor Delivery Robot ของเซเว่น อีเลฟเว่น ไปส่งของตามบ้านใกล้ชิดผู้คนด้วยเช่นกัน และเราเชื่อว่าอนาคต จะมีหุ่นยนต์ที่เข้ามาช่วยดูแลผู้สูงอายุ เพื่อตอบโจทย์การเข้าสู่ยุคสังคมผู้สูงอายุในประเทศไทยอีกด้วย” ชูศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทประเมินว่าหุ่นยนต์จะไม่เข้ามาแย่งงานของคน แต่จะมีบทบาทสำคัญในการช่วยงานของคน โดยเฉพาะในช่วงที่ประเทศกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) และมีประชากรวัยแรงงานลดลง ลดภาระการทำงานที่ต้องทำซ้ำๆ เป็นประจำ (Routine Tasks) เพื่อให้มนุษย์สามารถนำเวลาไปทำงานที่ยาก มีความจำเป็นต่อความอยู่รอด และมีความซับซ้อนมาก เช่น ปัญหาโลกร้อน มลพิษและขยะ ภาวะขาดแคลนอาหาร การดูแลผู้ป่วยและผู้สูงอายุ เชื้อโรคต่างๆ ที่รุนแรงและกลายพันธุ์อย่างรวดเร็ว เป็นต้น โดยเครือซีพี ออลล์ จะมุ่งช่วยพัฒนาทักษะด้าน AI Robotics และ Coding ให้แก่เยาวชน ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาตอนต้น (4-15 ปี) ผ่านสถาบัน RobotLAB Thailand ซึ่งเป็นความร่วมมือพัฒนาหลักสูตรการเรียนรู้เทคโนโลยีหุ่นยนต์สำหรับภาคการศึกษาระหว่างออลล์ เวลเนสและ RobotLAB สหรัฐอเมริกา ณ อาคาร SIAMSCAPE ชั้น 9 โดยได้เริ่มดำเนินการสอนตั้งแต่ปี 2565 และจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้ สำหรับระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย-ปวช. (15-18 ปี) ผ่านการจัดค่าย Creative AI Camp และสำหรับระดับมหาวิทยาลัยผ่านคณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM) พร้อมทั้งจับมือเป็นพันธมิตรกับโรงเรียนต่างๆ ช่วยพัฒนาศักยภาพครูและมอบอุปกรณ์การเรียนการสอนที่จำเป็น เพื่อพัฒนาเยาวชนไทยสู่การเป็น Tech Talent ที่มีทักษะแห่งอนาคต และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศไทย นอกจากนี้ บริษัทจะส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาหุ่นยนต์ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในโลกแห่งอนาคต เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ New S-Curve ผลักดันรายได้กลุ่มอื่นๆ นอกเหนือจากธุรกิจค้าปลีก (Non-retail)
ด้าน เกรียงไกร ทัศนวิภาส ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศทางนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี PIM กล่าวว่า ที่ผ่านมา การพัฒนาหุ่นยนต์ในไทยยังกระจุกตัวอยู่ในกลุ่ม Indoor Delivery Robot หรือหุ่นยนต์สำหรับใช้ส่งของภายในอาคารเท่านั้น การพัฒนา Outdoor Delivery Robot ถือเป็นเรื่องท้าทายและเป็นเรื่องใหม่มากสำหรับประเทศไทย การทำงานของทีม PIM ทั้ง 7 คน ซึ่งประกอบด้วยคณาจารย์ ศิษย์เก่า และนักศึกษาปัจจุบัน จึงถือเป็นการเริ่มต้นพัฒนาตั้งแต่โครงสร้างหุ่นยนต์ ตลอดจนการออกแบบรูปลักษณ์และการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยต่างๆ อาทิ 3D-Lidar มาร่วมใช้กับหุ่นยนต์ Outdoor Delivery Robot และทดลองใช้ในประเทศไทยครั้งแรก
“จุดยืนของ PIM มุ่งเน้นการเรียนการสอนแบบ Work-based Education ให้นักศึกษาได้เรียนรู้จากประสบการณ์การทำงานจริง เรียนเป็น คิดเป็น ทำงานเป็น สร้างนวัตกรรม งานวิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ ซึ่ง Outdoor Delivery Robot นับเป็นอีกงานวิจัยหนึ่งที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เรียนรู้จากการทำงานจริง สร้างสรรค์งานที่คำนึงถึงความใส่ใจต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เป็นมิตรต่อโลก ในขณะเดียวก็ตอบโจทย์ความต้องการของภาคอุตสาหกรรม”
สำหรับการพัฒนาในเฟสแรก ใช้เวลาประมาณ 6 เดือน จนหุ่นยนต์มีรูปลักษณ์และดีไซน์ดังกล่าว สามารถรับส่งของได้ครั้งละ 2 ออเดอร์ โดยทดลองวิ่งจริงในพื้นที่เฉพาะสำหรับการทดสอบหรือ Sandbox บริเวณพื้นที่อาคารของ PIM และพื้นที่ธารา พาร์ค เพื่อให้แน่ใจว่าการวิ่งส่งของแต่ละครั้งมีความแม่นยำ บนถนนและสิ่งกีดขวางหลากหลายรูปแบบ ขณะที่การพัฒนาในเฟสถัดไป จะพิจารณาการออกแบบหุ่นยนต์ให้มีหลายขนาดมากขึ้น พร้อมตอบโจทย์การรับ-ส่งสินค้าให้เหมาะกับแต่ละพื้นที่
ด้านธิติวุฒิ พิมพิสัย หรือ เบส เจ้าหน้าที่ศูนย์ความเป็นเลิศทางนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ ศิษย์เก่าคณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี PIM กล่าวว่า สมัยเป็นนักศึกษามีโอกาสได้ร่วมพัฒนาหอพักผู้ป่วยอัจฉริยะ (Smart Ward) เพื่อใช้ในโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์โดยมีหุ่นยนต์เป็นส่วนประกอบร่วมกับระบบอัตโนมัติต่างๆ เพื่อส่งอาหารและยาให้ถึงเตียงผู้ป่วย ลดการสัมผัสในช่วงเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทางทีมจึงได้นำประสบการณ์ดังกล่าว มาต่อยอดสู่การพัฒนา Outdoor Delivery Robot ครั้งแรก แบ่งงานกันทั้งด้านกลไก ออกแบบเพื่อให้หุ่นยนต์วิ่งได้บนทุกสภาพพื้นถนน ด้านเทคนิค เช่น การสร้างแผนที่โดยใช้ 3D -Lidar เทคโนโลยีขั้นสูงที่มีเซ็นเซอร์หมุนรอบตัวเอง 360 องศา ตลอดจนด้านโปรแกรม และด้านการออกแบบ เพื่อให้หุ่นยนต์ที่ตอบโจทย์มาเป็นมิตรกับผู้ใช้ (User-friendly)
สำหรับศูนย์ความเป็นเลิศทางนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ (Innovation and Invention Excellence Center : IIEC) ภายใต้คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี PIM มีพันธกิจหลักคือ การพัฒนานวัตกรรมและการสร้างสิ่งประดิษฐ์ที่ตอบโจทย์ต่อผู้ใช้งานหรือผู้ประกอบการทั้งทางด้าน เทคโนโลยีใหม่ อาทิ AI, Robotics, Computer Vision หรือ เทคโนโลยีด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ รวมถึงการจัดอบรม เผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งจุดเด่นคือมุ่งเน้นการทำงานแบบ Cross Functional เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ โดยมีผลงานที่ผ่านมา เช่น การพัฒนาเมตาเวิร์ส การพัฒนาเทคโนโลยี Virtual และโฮโลแกรมสำหรับใช้กับคณะพยาบาลศาสตร์ PIM
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา