ใครๆ ก็รู้ว่า Big Data ในโลกยุคนี้มีมูลค่าทางธุรกิจขนาดไหน ยิ่งในช่วงหลายปีมานี้ บริษัทรถยนต์หลายแห่งต่างทำให้รถยนต์มีการเชื่อมต่อกับระบบอินเตอร์เน็ต สตาร์ทอัพรายหนึ่งในอิสราเอลเห็นช่องว่างของข้อมูลอันมหาศาลที่จะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงนี้ ตั้งระบบคลาวด์จัดเก็บข้อมูล และขายให้กับลูกค้าบุคคลที่สาม
ขายข้อมูลลูกค้า Big Data ในรถยนต์
Otonomo สตาร์ทอัพอิสราเอล ก่อตั้งในปี 2015 ขณะนี้ระดมทุนได้กว่า 45 ล้านเหรียญ โดยมี Steve Girsky อดีตรองประธานและกรรมการของ General Motors เป็นผู้สนับสนุนหลัก
ข้อมูล Big Data มีแนวโน้มเติบโตได้อีกมากในตลาดรถยนต์ เพราะนอกจากรถยนต์รุ่นใหม่ๆ จะเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตแล้ว แผนการผลิตรถยนต์ไร้คนขับของหลายบริษัท และการสื่อสารของผู้ใช้งานกับระบบตอบโต้อัตโนมัติ พูดง่ายๆ คือ คนขับพูดคุยหรือสนทนากับระบบในรถได้ ทั้งหมดนี้เป็นตัวอย่างที่ทำเห็นได้ชัดเจนว่า สตาร์ทอัพรายนี้ก่อกำเนิดมาเพื่อจัดการและจัดเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานรถยนต์อีกมหาศาลที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
มีการคาดการณ์โดย McKinsey & Co. ว่า ธุรกิจการขายข้อมูลลูกค้าในรถยนต์จะมีมูลค่าสูงถึง 750,000 ล้านเหรียญ ในปี 2030
“การเปลี่ยนแปลงของวงการรถยนต์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้และอนาคตอันใกล้ จะทำให้ข้อมูลของลูกค้าในรถยนต์จะดึงดูดให้ธุรกิจอื่นๆ เข้ามามีส่วนร่วม เช่น บริษัทประกันภัย ผู้จำหน่ายรถยนต์ ฝ่ายบริการลูกค้าหลังการขาย และอีกมากมาย”
Otonomo ทำงานโดยใช้ระบบ Solution cloud ในการจัดเก็บข้อมูล จัดการข้อมูล และขายข้อมูลให้กับบุคคลที่ 3 ขณะนี้ทำงานร่วมกับ 9 บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ มีพาร์ทเนอร์เป็น Daimler บริษัทแม่ของ Mercedes ส่วนข้อมูลของพาร์ทเนอร์รายอื่นๆ Otonomo ยังไม่เปิดเผย
Ben Volkow ประธาน Otonomo ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง บอกว่า “Google และ Apple เป็นบริษัทที่ใช้ข้อมูลทำเงินที่ใหญ่และมีระบบจัดการดีที่สุดในโลก แน่นอนพวกเขาย่อมมองเห็นโอกาสในธุรกิจรถยนต์ แต่เชื่อมั่นว่าผู้ผลิตรถยนต์จะมองเห็นว่า Otonomo เป็นตัวเลือกทางยุทธศาสตร์ที่น่าสนใจในการเข้าไปเล่นกับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านข้อมูลที่มีอยู่แล้ว”
Big Data กับการท้าทายความเป็นส่วนตัว
การขายข้อมูลของ Otonomo ย่อมนำมาสู่คำถามเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน แต่ถ้าดูในทางกฎหมาย Otonomo ระบุว่าทำตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของปี 2015 ทุกประการ ที่ว่าด้วย “ข้อมูลในยานหาพนะเป็นสิทธิ์ของเจ้าของรถ เว้นแต่ว่าเจ้าของจะยินยอมให้เผยแพร่ได้ จึงจะนำไปใช้งานได้เท่านั้น”
ฟังดูไม่น่าเป็นห่วง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ขับขี่อาจไม่ได้ใส่ใจในรายละเอียดของสัญญา เพราะการยอมรับข้อกำหนดและบริการจากบริษัทผู้ขายในสัญญา ลูกค้าอาจอาจไม่ได้ตรวจสอบเนื้อหาทั้งหมด และตกลงยินยอมไปโดยปริยาย
รายงานของ McKinsey สำรวจเจ้าของรถจำนวน 3,184 คน เกี่ยวกับข้อมูล Big Data บนรถยนต์ของผู้ใช้งาน พบว่า 55% บอกว่าพวกเขาอนุญาตให้ใช้งานได้ 24% ไม่อนุญาตในบางสถานการณ์ และอีก 21% อนุญาตในกรณีที่ข้อมูลจะช่วยปรับปรุงให้การใช้งานดีขึ้น แต่ไม่อนุญาตให้ขายข้อมูลกับบุคคลที่ 3
ด้าน Otonomo ยืนยันว่า การแบ่งปันข้อมูลจะเป็นประโยชน์ ความน่ากังวลไม่ต่างอะไรกับการใช้สมาร์ทโฟนเครื่องหนึ่งที่เราต่างแบ่งปันข้อมูลส่วนตัวให้กับบริษัทต้นทางอยู่แล้ว ในกรณีนี้ Otonomo สามารถแจ้งเตือนผู้ขับขี่ได้ในกรณีที่รถอาจมีปัญหาด้านต่างๆ เช่น แบตเตอรี่ ลมยาง สิ่งเหล่านี้ Otonomo จะแจ้งให้ทราบก่อนที่จะเกิดปัญหา หรือนำรถเข้าไปซ่อมในศูนย์บริการเสียอีก
ปัจจุบัน Otonomo มีพาร์ทเนอร์กว่า 70 รายที่ซื้อ Big Data ไปใช้งาน มีตั้งแต่ผู้ค้ารายย่อยไปจนถึงอุตสาหกรรมประกันภัย เพราะตอนนี้รถยนต์บนท้องถนนกว่า 1 ล้านคันอยู่บนแพลตฟอร์ของ Otonomo เรียบร้อยแล้ว เชื่อมั่นว่าภายในสิ้นปี 2017 จะเพิ่มขึนเป็น 5 ล้านคันอย่างแน่นอน
ที่มา – Business Insider, รายงานของ McKinsey
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา