ถึงเวลาที่ “โอสถสภา” แตกไลน์สินค้าใหม่ไปยังกลุ่มอื่นบ้าง ในครั้งนี้ได้ปั้นแบรนด์ใหม่ “M-Presso Double Shot” ลงสมรภูมิกาแฟพร้อมดื่มเป็นครั้งแรก ชิงเค้ก 12,000 ล้านบาท
น้องใหม่ตลาดกาแฟ
ถือเป็นการเคลื่อนไหวที่สำคัญของ “บริษัท โอสถสภา จำกัด” หนึ่งในผู้เล่นใหญ่ในตลดาเครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภค บริโภค ในปีนี้ประเดิมด้วยการแตกไลน์สินค้ากลุ่มใหม่ “M-Presso Double Shot” (เอ็มเพรสโซ ดับเบิล ช็อต) เป็นกาแฟปรุงสำเร็จพร้อมดื่มใหม่
ใช้จุดเด่นที่ทำจากกาแฟคั่วบดสายพันธุ์โรบัสต้าแท้ 100% เปิดตัวด้วย 2 รส คือ M-Presso Double Shot Robusta และ M-Presso Double Shot Espresso บรรจุในรูปแบบกระป๋องขนาด 180 มิลลิลิตร ราคา 15 บาท
โอสถสภาเองไม่ได้แตกไลน์สินค้ากลุ่มใหม่มานาน ส่วนใหญ่เห็นแต่การรีแบรนด์สินค้าเดิมๆ อย่างเปลี่ยนโลโก้ กับแพ็คเกจจิ้งของเครื่องดื่มเกลือแร่เอ็ม เป็นการปรับภาพลักษณ์แบรนด์ในเครือให้ไปในทิศทางเดียวกัน เพราะโอสถสภาได้ฐานลุกค้ากลุ่มใหญ่คือกลุ่มแมส คนใช้แรงงานจากฐานลูกค้าของ M-150
ทั้งนี้ตลาดกาแฟพร้อมดื่มก็มีความน่าสนใจเพราะเป็นตลาดใหญ่ และมีความแมสไม่แพ้กับตลาดเครื่องดื่มอื่นๆ ในปี 2560 มีมูลค่าตลาดราว 12,000 ล้านบาท เติบโต 5% แบ่งเป็นตลาดแมส (ราคาต่ำกว่า 13 บาท) 95% และตลาดพรีเมี่ยม (ราคามากกว่า 13 บาท) 5%
ตลาดกาแฟพร้อมดื่มใหญ่เป็นอันดับ 2 ในตลาดกาแฟรองจากกาแฟ 3 in 1 ที่มีมูลค่าประมาณ 15,000 ล้านบาท ทำให้เห็นว่าตลาดมีโอกาสในการเติบโตสูง เพราะพฤติกรรมคนไทยชอบสินค้าที่มีความสะดวกสบายมากขึ้น
แต่ความหินของตลาดนี้อยู่ที่เจ้าตลาดมีความแข็งแกร่งอย่างรุนแรง ก็คือ “เบอร์ดี้” จากค่ายอายิโนะโมะโต๊ะ ที่กวาดส่วนแบ่งตลาดไปแล้วกว่า 70% ยังไม่มีใครสามารถโค่นได้ เบอร์ดี้มีการทำตลาดที่เข้าถึงผู้บริโภค มีการสร้างสโลแกนที่ติดปากคนไทยมาช้านานอย่าง “เบอร์ดี้… หนึ่งในใจคุณ” มีการใช้พรีเซ็นเตอร์ในการสื่อสารอย่างต่อเนื่อง และเป็นพรีเซ็นเตอร์เบอร์ใหญ่ทั้งสิ้น เช่น ตูน บอดี้สแลม และณเดชน์ คูกิมิยะ
ส่วนผู้เล่นอื่นๆ ในตลาดก็มีความน่ากลัวไม่น้อย ล้วนเป็นบิ๊กเนมในตลาดเครื่องดื่มเช่นกัน อย่าง เนสกาแฟ, คาราบาวแดง และดาว คอฟฟี่ ที่ในช่วงหลังก็มีการทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง หวังได้ใจผู้บริโภคเช่นกัน
ในการบุกตลาดครั้งนี้ M-Presso Double Shot ก็ได้เล่นใหญ่เช่นกัน ด้วยการคว้าตัว “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ” ประกบกับ “เจ-เจตริน วรรณธนะสิน” เป็นพรีเซ็นเตอร์คู่แรกของแบรนด์ ในคอนเซ็ปต์ “Double J – Double Shot” (ดับเบิล เจ – ดับเบิล ช็อต) เพื่อหวังจับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนเมือง คนทำงาน
กาแฟพร้อมดื่ม เสริมพอร์ตเครื่องดื่มให้หลากหลาย
การแตกไลน์สินค้าในครั้งนี้ของโอสถสภา เป็นการเสริมพอร์ตธุรกิจให้แข็งแกร่งมากขึ้น จากเดิมที่แข็งแรงมากในกลุ่ม “เครื่องดื่มชูกำลัง” ที่มีมากมายถึง 7 แบรนด์ ได้แก่ M-150, M-Strom, ลิโพ, ฉลาม, Shark Cool Bite, .357 และโสม อินซัม ซึ่ง M-150 ครองเจ้าตลาดด้วยส่วนแบ่งตลาด 57%
แต่ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังก็มีการแข่งขันสูงมาก และตลาดก็ไม่ได้เติบโตเยอะ บางปีก็ไม่มีการเติบโต ในปี 2560 ที่ผ่านมามูลค่าราว 35,000 ล้านบาท
ในส่วนของสินค้าอื่นๆ ก็มีเครื่องดื่มเกลือแร่ในแบรนด์เอ็ม เป็นการรีแบรนด์จากเอ็ม สปอร์ต, เครื่องดื่มเสริมอาหารบำรุงสมองเปปทีน, เครื่องดื่มวิตามินซี C-Vitt และเครื่องดื่ม คาลพิส แล็คโตะ
สรุป
- การขยับตัวของโอสถสภาครั้งนี้มีความน่าสนใจไม่น้อย แตกไลน์สินค้าใหม่เพื่อสร้างการติบโต แต่ยังคงจับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มแมสกลุ่มเดิม เพราะมีฐานลูกค้าจากแบรนด์ในเครือ
- แต่ความท้าทายก็คือตลาดนี้มีเจ้าตลาดที่แข็งแกร่ง โอสถสภาจะสร้างแบรนด์ให้โดนใจผู้บริโภคได้หรือไม่ ต้องคอยติดตามดูต่อไป
- ส่วนตัวมองว่าชื่อแบรนด์ M-Presso Double Shot มีความยาวไปนิด และเรียกยาก ทำให้การสร้างการรับรู้ต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะแบรนด์อื่นๆ ในตลาดเป็นชื่อเรียกง่ายกว่า
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา