10 ห้างสรรพสินค้า ไม่เท่า 1 อีคอมเมิร์ซ | BI Opinion

โดย ปฐม อินทโรดม

สำหรับขาช็อป ไม่มีอะไรสนุกและสะดวกสบายไปกว่าการช็อปปิ้งออนไลน์ อยากได้อะไรก็ใช้โน้ตบุ้ค มือถือหาเอา จะเป็นเวลาไหนก็ไม่เกี่ยง ไม่ต้องแอบโดดงานไปช็อปปิ้งเหมือนเมื่อก่อน จึงไม่น่าแปลกใจอะไรที่ข้อมูลจากหลาย เว็บไซต์ระบุว่าเช้าวันทำงานเป็นช่วงเวลาที่คนนิยมช็อปออนไลน์สูงสุด

เมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ตลาดออนไลน์จึงเป็นธุรกิจอันหอมหวน ท่ามกลางการเติบโตของเว็บอีคอมเมิร์ซแบบ Marketplace เราจึงเห็นยอดขายของ Lazada, Shopee, JD Central พุ่งกระฉูด แต่ผลประกอบการของบริษัทเหล่านี้กลับติดลบขาดทุนกันมโหฬาร

ภาพจาก Shutterstock

ช่วงปี 2016 เราเคยตื่นเต้นกับเว็บอีคอมเมิร์ซสัญชาติเกาหลีชื่อดัง 11Street ที่ดึงซุปเปอร์สตาร์อย่างจุงกิมาช่วยโปรโมทแคมเปญลดสนั่นในบ้านเราก่อนจะปิดตัวดังสนั่นไม่แพ้กันด้วยยอดขาดทุนเบาะ 1,127 ล้านบาท

แต่รายที่เหลือรอดมาถึงวันนี้ก็ใช่ว่าจะหายใจได้คล่องคอ น้องใหม่อย่าง JD Central ที่ถือกำเนิดตามมามียอดขาดทุนสะสมถึงปี 2018 ประมาณ 944 ล้านบาท 4,743 ล้านบาท ตามติดด้วย Shopee ที่ทำตัวเลขได้น่าอัศจรรย์พอกันคือขาดทุนสะสมตั้งแต่ปี 2015-2018 รวม 6,256 ล้านบาท

มาดูเบอร์ 1 ที่ครองตลาดมานานหลายปีอย่าง Lazada ย้อนหลังไป 5 ปีนับจากปี 2014 ที่ขาดทุน 863 ล้าน มาเป็น 2,645 ล้านในปี 2018 รวมขาดทุนทั้งสิ้น 8,149 ล้านบาท คาดว่ารวมกับผลประกอบการปีนี้น่าจะทะลุไปที่หลักหมื่นล้านบาทได้ไม่ยาก และถ้ารวมทุกเจ้าเข้าด้วยกันก็นับยอดขาดทุนทะลุ 2 หมื่นล้านบาทไปสบาย

ภาพจาก Shutterstock

นับได้ว่าแต่ละเจ้าไม่มีใครหวังกำไร แล้วผลตอบแทนที่ได้คืออะไร หากจับเฉพาะเจ้าตลาดคือ Lazada ที่มียอดรายได้สะสม 5 ปีอยู่ที่ 18,583 ล้านบาท การจะทำรายได้ขนาดนี้ต้องดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาแวะดูโปรโมชั่นต่าง ในเว็บให้ได้เสียก่อน ซึ่งเราจะพบว่าโดยเฉลี่ยแล้ว Lazada จะสร้าง Traffic หรือผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้ราว 43 ล้านคนต่อเดือน โดยมี Shopee จ่อคอหอยด้วยยอด 31 ล้านคน

ไม่ต่างอะไรกับห้างสรรพสินค้าที่ต้องหาทางจัดกิจกรรมเพื่อดึงดูดคนไปเดินเล่นในห้างเผื่อจะซื้อของติดไม้ติดมือกลับไป ห้างใหญ่ อย่าง Central ลาดพร้าว จึงต้องมีคนเดินประมาณวันละ 150,000 คน หรือคิดเป็น 4.5 ล้านคนต่อเดือน

หากคิดว่า Lazada ลงทุนไปเกือบหมื่นล้านบาท หากไม่ทำออนไลน์แล้วหันมาสร้างห้างแทนจะเป็นอย่างไร เราจะพบว่างบประมาณเท่านี้สร้างห้างขนาดยักษ์ที่มีพื้นที่ราว 5 แสนตารางเมตรอย่าง Central Plaza WestGate ได้พอดิบพอดี

ภาพจาก Shutterstock

แต่ห้าง Lazada จะมีโอกาสดึงดูดคนเข้าห้างได้อย่างมากก็ 4 – 4.5 ล้านคนต่อเดือน ในขณะที่คนเข้าเว็บ Lazada ทำได้อยู่แล้วถึง 43 ล้านคนต่อเดือน หากต้องการยอดผู้เข้าชมเท่าเดิม ก็ต้องสร้างอีกอย่างน้อยสิบห้างคิดเป็นเงินลงทุนหลักแสนล้านบาทเลยทีเดียว

ใครที่เคยสงสัยว่า Lazada จะขาดทุนขนาดนี้ไปเพื่ออะไรก็น่าจะเริ่มเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น เพราะเม็ดเงินที่ใช้กับออนไลน์มันเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายและเร็วกว่าธุรกิจเดิม อยู่มหาศาล การบังเกิดของธุรกิจสตาร์ตอัพทั่วโลกก็เป็นด้วยเหตุผลข้อนี้

แต่ปัญหาอย่างเดียวที่โลกออนไลน์ยังแก้ไม่ตกก็คือConversion Rateลองคิดดูว่าห้างใหญ่มีอัตราคนเดินห้างอยู่ที่ประมาณ 4.5 ล้านคนต่อเดือน ซึ่งน้อยกว่าคนเข้าเว็บ Lazada ซึ่งมีอยู่ 43 ล้านคนต่อเดือน คิดเป็นอัตราส่วนเกือบ 10 เท่า แต่ในแง่ของการสร้างรายได้ ห้างสรรพสินค้ายังทำรายได้ในหลักหมื่นล้านบาทต่อปี ในขณะที่รายได้ของ Lazada ในปี 2018 อยู่ที่ 7,941 ล้านบาทเท่านั้น

ภาพจาก Shutterstock

นั่นหมายความว่าความสามารถในการแปลงผู้เข้าชมมาเป็นผู้ซื้อของห้างสรรพสินค้า ยังสูงกว่าโลกออนไลน์อยู่หลายสิบเท่า แต่อย่าลืมว่าทุกวันนี้โลกดิจิทัลสร้างเครื่องมือทางการตลาดออนไลน์เข้ามาจับลูกค้าได้มีประสิทธิภาพกว่าเดิมมากขึ้นเรื่อย เรามีทั้ง AI, Big Data, IoT ที่เข้ามาช่วยให้นักการตลาดจับพฤติกรรมผู้บริโภคได้ และนำเสนอสินค้าของตัวเองได้ทันก่อนที่ลูกค้าจะไปซื้อที่ห้างเสียอีก

ธุรกิจอีคอมเมิรซ์จึงมีโอกาสที่จะขยายระบบนิเวศหรือ Ecosystem ของตัวเองให้ขยายครอบคลุมไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคให้มากที่สุด เช่น Shopee ที่เติบโตจากเครือ SEA ซึ่งมีทั้งเกมออนไลน์และบริการ Payment ซึ่งล้วนส่งเสริมธุรกิจกันอย่างเป็นระบบ

แวดวงค้าปลีกจึงตื่นตัวกับกระแส New Retail ที่จับเอาพฤติกรรมผู้บริโภคทั้งออนไลน์และออฟไลน์เข้ามารวมด้วยกัน แล้วอาศัยการวิเคราะห์เชิงลึกเพื่อจับลูกค้าอย่างเราให้อยู่หมัด จะมาห้างก็ต้องหาทางไปเคาน์เตอร์ที่มี Notification มาว่าได้สิทธิพิเศษ ได้ของแถม ได้ส่วนลด ซึ่งเป็นผลมาจากการให้ข้อมูลส่วนตัวของเรากับระบบ

ภาพจาก Shutterstock

ไม่ว่าเราจะซื้ออะไรไป ไม่ว่าจะสั่งออนไลน์หรือซื้อที่ห้าง ก็ถูกระบบ Big Data ทำ Predictive Analytics พยากรณ์ว่าตัวเรานี้น่าจะเหมาะกับสินค้ารุ่นใหม่ที่กำลังจะวางขายในอีก 3 เดือนข้างหน้า ห้างจะสั่งผลิตหรือนำเข้าก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีสต็อคเกินเพราะระบบแม่นยำมาก แถมยังเชื่อมโยงกับสถาบันการเงินวิเคราะห์สินเชื่อส่วนบุคคลได้ด้วยว่ามีเครดิตดีเพียงพอไหมหากจะเสนอโปรโมชั่นผ่อนจ่าย 0% เพื่อกระตุ้นยอดขาย

ห้างยักษ์ใหญ่ของไทยจึงกระโจนลงมาในสมรภูมิออนไลน์อย่างไม่คิดอะไรมาก ส่วนยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซอย่าง Lazada, Shopee ซึ่งสายป่านยาวอย่างเดียวคงไม่พอ แต่ต้องเร่งสร้าง Ecosystem ของตัวเองให้ครบวงจรมากขึ้นถึงจะแข่งกับเจ้าพ่อค้าปลีกของไทยได้

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา