ลุ้นน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น หลัง OPEC มีโอกาสสูงที่จะลดการผลิต แล้วธุรกิจในไทยจะโดนอะไรบ้าง

2 ปีมาแล้วที่กำลังผลิตของกลุ่ม OPEC (Organization of the Petroleum Exporting Countries) เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยตอนนั้นอยู่ที่ 30 ล้านบาร์เรล/วัน และปัจจุบันอยู่ที่ 34 ล้านบาร์เรล/วัน เพราะต้องการแข่งขันในตลาดโลกมากขึ้น แต่ตอนนี้คงถึงจุดที่เหมาะสมแล้ว จนมีโอกาสที่ OPEC จะลดกำลังผลิตลงเสียที

ภาพ pixabay.com
ภาพ pixabay.com

Nomura ฟันธง 70% ลดกำลังผลิตแน่

รายงานจาก Nomura ชี้แจงว่า หลังไม่ชัดเจนมาหลายสัปดาห์ ในที่สุดการหารือในวันที่ 30 พ.ย. ของกลุ่ม OPEC ก็น่าจะมีความเป็นไปได้ถึง 70% ที่ทางกลุ่มจะลดกำลังผลิตลง 1 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งการลดกำลังผลิตครั้งนี้ราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวขึ้น 2 ดอลลาส์/บาร์เรลทันที โดยเหตุผลที่ OPEC ลดกำลังผลิต เนื่องจากไม่มีประโยชน์ที่จะลดราคาแข่งกับคู่แข่ง โดยเฉพาะตลาดในสหรัฐอเมริกา และถือเป็นอีกครั้งที่กลุ่ม OPEC ลดกำลังผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่า เช่นเหตุการณ์ล้มละลายของกลุ่ม Lehman Brothers ในปี 2552 ทำให้ OPEC ลดกำลังผลิต 2.5 ล้านบาร์เรล/วัน จนราคาเพิ่มเป็น 80 ดอลลาส์/บาร์เรล จาก 40 ดอลลาส์

“ไม่ได้มีแค่ความไม่จำเป็นที่ต้องไปแข่งขัน ยังมีเรื่องความสำเร็จของ Saudi Aramco ที่เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ และการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศซาอุดิอาระเบีย ที่สำคัญจากชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ทำให้ประเทศอิหร่านเริ่มต้องการแชร์ในตลาดน้ำมันมากขึ้น เพื่อการเพิ่มรายได้ในระยะสั้น โดยการปรับลดกำลังผลิตนั้นจะทำให้ราคาน้ำมันปรับขึ้นเป็น 50 ดอลลาส์/บาร์เรล จากปัจจุบันอยู่ที่ 48 ดอลลาส์ เพราะความไม่แน่นอน ทำให้ราคาผันผวน แต่หากไม่มีการปรับลดการผลิต โอกาสที่ราคายังต่ำกว่าเดิมอยู่ก็มีสูง”

ภาพ pixabay.com
ภาพ pixabay.com

แล้วตลาดไทยจะเป็นอย่างไร

บมจ.ไทยออยล์ วิเคราะห์ว่า ก่อนวันที่ 30 พ.ย. ต้องรอดูการประชุมวันที่ 25 พ.ย. ก่อน เพราะวันนั้นจะมีการประชุมก่อนการประชุมหลักอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งน่าจะเห็นความชัดเจนมากขึ้น แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่กลุ่ม OPEC จะตกลงกันไม่ได้ ที่สำคัญสภาวะอุปทานน้ำมันดิบล้นตลาดน่าจะยังไม่คลี่คลายในทันที เนื่องจากฝั่งสหรัฐอเมริกายังมีแนวโน้มเพิ่มกำลังการผลิตอยู่ ดังนั้นราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้จึงอยู่ที่ 45 – 50 ดอลลาส์/บาร์เรล ใกล้เคียงเดิม

ส่วนประเทศไทยจะได้ผลกระทบนี้อย่างไร Brand Inside มองว่า ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงไม่ชัดเจน แต่หากมีการปรับลดกำลังผลิตจริง และลดลงอย่างต่อเนื่องเหมือนกับที่เคยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อหลายปีก่อน ฝั่งธุรกิจขนส่ง และการผลิตก็จะมีต้นทุนทางธุรกิจเพิ่มขึ้นทันที เท่ากับราคาสินค้าอาจแพงขึ้นตาม แต่ก็ยังมีผลทางด้านดี เพราะเมื่อปรับลดกำลังการผลิต แสดงให้เห็นถึงศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศกลุ่ม OPEC และทำให้ประชาชนของ 14 ประเทศของกลุ่มนี้มีกำลังในการจับจ่ายมากขึ้น

สรุป

คงต้องรอกันต่อไปก่อนว่าการปรับลดกำลังผลิตน้ำมันดิบของกลุ่ม OPEC จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ซึ่งตอนนี้หลายธุรกิจใหญ่ก็คงมองเรื่องนี้กันบ้าง ส่วนฝั่งนักลงทุนตอนนี้ก็อาจมองธุรกิจในอุตสาหกรรมอื่นไปก่อน แต่ทางที่ดีเหตุการณ์นี้น่าจะจบลงที่การลดกำลังผลิต เพื่อเพิ่มเสถียรภาพของน้ำมันดิบ หลังจากล้นตลาดมาระยะหนึ่งแล้ว

อ้างอิง // NOMURA: 70% chance of a big OPEC oil production cut

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา