เรียกว่าเป็นการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ก็ว่าได้ เพราะแบรนด์รองเท้าที่เหมือนจะตายไปแล้วอย่าง Onitsuka Tiger ที่มีมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2492 ถูกนำมาปัดฝุ่นในอีก 50 ปีถัดมา จนทำรายได้ให้กับแบรนด์ Asics กว่า 9,000 ล้านบาท
สถานีต่อไปคือ Nippon Made Store
แม้จะก่อตั้งในปี 2492 แถมมีโมเดลรองเท้าวิ่งที่สร้างความประหลาดใจในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศเม็กซิโกในปี 2511 แต่หลังจากนั้นแบรนด์รองเท้ากีฬาสัญชาติญี่ปุ่นอย่าง Onitsuka Tiger ก็เหมือนจะเงียบหายไปจากตลาด และหาก Asics เจ้าของแบรนด์ดังกล่าวไม่ชุบชีวิตแบรนด์นี้อย่างถูกวิธี ก็คงไม่กลับมาดังเปรี้ยงขนาดนี้
เพราะหากนับตั้งแต่ Onitsuka Tiger กลับมาในตลาดรองเท้าผ้าใบอีกครั้งเมื่อปี 2546 หลัง Asics ต้องการสร้างแบรนด์ใหม่เพื่อยกระดับตัวเองเข้าสู่โลกแฟชั่นมากขึ้น ผ่านการนำสไตล์วินเทจมาประยุกต์กับการทำตลาด ตัว Onitsuka Tiger ก็ค่อยๆ เป็นที่นิยมขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งทางแบรนด์ต่อยอดความวินเทจด้วยการส่งรุ่น Nippon Made ในปี 2551 ที่ชูจุดเด่นเรื่องวัสดุ และการขึ้นรูปรองเท้านั้นทำในประเทศญี่ปุ่นทั้งหมด ก็ทำให้ Sneaker Head หลายๆ คนอยากหามาครอบครองสักคู่ เพราะทางแบรนด์วางตำแหน่งรองเท้าตระกูลนี้ไว้สูงที่สุด หรือเรียกง่ายๆ ว่ารองเท้าผ้าใบระดับ High-End
และเพื่อไปให้สุดกว่านั้นทางแบรนด์ได้เปิดร้านที่จำหน่ายแต่สินค้า Nippon Made โดยเฉพาะ เมื่อเดือนก.ย. 2560 ซึ่งนอกจากรองเท้าแล้ว ก็มีกระเป๋า, เครื่องแต่งกาย และสินค้าอื่นๆ วางขายด้วย ตั้งอยู่ที่ Omotesando ในกรุงโตเกียว และมีลูกค้าผู้ชายวัย 30-40 ปีเข้ามาซื้อสินค้าเป็นจำนวนมาก
ซึ่งอีกจุดเด่นของร้านนี้คือเป็นที่เดียวที่จะสั่งรุ่น Mexico 66 Deluxe แบบปรับแต่งเองได้ว่าจะใช้สี หรือหนังแบบใด โดยมีเลือกกว่า 10 รูปแบบ ราคา 40,000 เยน (เกือบ 12,000 บาท) ซึ่งก็แพงไม่ใช่เล่น และใช้เวลาจัดส่ง 6-7 สัปดาห์
ดังนั้นเมื่อนำความนิยมของแบรนด์ที่มากขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับสินค้า Nippon Made ราคาสุดแพง ก็ไม่แปลกที่ล่าสุดในสิ้นปี 2560 Onitsuka Tiger จะมียอดขายสูงถึง 31,900 ล้านเยน (ราว 9,000 ล้านบาท) เติบโตจากปีก่อนหน้านี้ 20% และเชื่อว่าในปีนี้ก็ยังเติบโตเช่นเดิม
สรุป
แม้กระแส Onitsuka Tiger ในประเทศไทยจะตกไปบ้าง แต่ในระดับโลกแบรนด์นี้เริ่มกลับมาบูมอีกครั้ง เพราะด้วยการออกแบบที่นำความวินเทจมาแบบเต็มๆ และการสร้างความแตกต่างให้กับรุ่น Nippon Made ก็น่าจะทำให้พี่เสือของ Asics นั้นคงอยู่ได้ตลอดไป และคุ้มค่าที่ปลุกมันขึ้นมาด้วย
อ้างอิง // Nikkei Asian Review, ภาพ Onitsuka Tiger
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา