อีกหนึ่งกรณีศึกษาของสตาร์ตอัพฟองสบู่ ก่อนหน้านี้ไม่นาน One Kings Lane เว็บไซต์ขายเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านออนไลน์ ถือเป็นดาวรุ่งรายหนึ่งของวงการอีคอมเมิร์ซในโลกตะวันตก
One Kings Lane เปิดบริการครั้งแรกในปี 2009 โดยยึดเอาโมเดล Flash Sales หรือการขายสินค้าราคาถูกในระยะเวลาจำกัด เพื่อให้ผู้บริโภคบอกกันปากต่อปากในเชิงการตลาด และเพื่อให้ควบคุมสต๊อกสินค้าได้ง่าย (บริษัทหลายแห่งก็ประสบความสำเร็จกับโมเดลนี้ เช่น สมาร์ทโฟน Xiaomi ช่วงแรกๆ ก็ขายแบบนี้)
ความโดดเด่นของ One Kings Lane ส่งผลให้บริษัทสามารถระดมทุนจาก venture capital รวมกันได้มากถึง 200 ล้านดอลลาร์ และได้เงินจากบริษัท VC ชื่อดังอย่าง Greylock Partners, Kleiner Perkins โดยมูลค่าบริษัทตามราคาหุ้น (valuation) สูงถึง 900 ล้านดอลลาร์ มีสถานะเกือบเป็นบริษัท “ยูนิคอร์น” ที่มีมูลค่าเกิน 1,000 ล้านดอลลาร์แล้ว
อย่างไรก็ตาม ในเดือนมิถุนายน 2016 ที่ผ่านมา One Kings Lane ขายกิจการให้กับ Bed Bath & Beyond บริษัทขายเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านรายใหญ่ของสหรัฐ (บริษัทอยู่ในตลาดหลักทรัพย์) ด้วยมูลค่าที่ไม่เปิดเผย โดยทาง Bed Bath & Beyond บอกแค่ว่า “ไม่เยอะนัก”
เนื่องจาก Bed Bath & Beyond เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ข้อมูลตรงนี้จึงมีรายงานในเอกสารที่ส่งต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และข้อมูลล่าสุดเปิดเผยออกมาแล้วว่า One Kings Lane ขายออกไปในราคาต่ำเรี่ยดินเพียง 11.78 ล้านดอลลาร์เท่านั้น
คำถามคือเกิดอะไรขึ้นกับบริษัทที่เคยมีมูลค่าสูงกว่า 900 ล้านดอลลาร์ แล้วต้องลดราคาลงมาหลายสิบเท่าเพื่อให้ขายออกไปได้
สาเหตุสำคัญคงเป็นเพราะ One Kings Lane มีมูลค่าสูงเกินจริงไปมาก จากกระแสการตื่นทองของโมเดล Flash Sale ที่ทำให้ธุรกิจลักษณะนี้บูมขึ้นมาพร้อมๆ กัน โดยธุรกิจที่ใกล้เคียงกันคือ Gilt Group และ Fab ซึ่งขายสินค้าแฟชั่นแบบ Flash Sale ก็มีมูลค่าสูงในช่วงเดียวกัน และต้องขายเลหลังแบบถูกๆ ในลักษณะเดียวกัน (Fab ขายในราคาเพียง 20 ล้านดอลลาร์)
หนึ่งในผู้ก่อตั้ง One Kings Lane คือ Ali Pincus ภรรยาของ Marc Pincus ผู้ก่อตั้งบริษัทเกมชื่อดัง Zynga เจ้าของเกม Farmville ที่ช่วงหนึ่งเคยมีมูลค่าสูงทะลุฟ้า แต่ก็ประสบปัญหาในช่วงหลังเช่นกัน
ที่มา – Fortune, Yahoo Finance, Business Insider
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา