ทั่วโลกกำลังจับตาดูดัชนีเมืองน่าอยู่ (Global Liveability Index) และเห็นเมืองชั้นนำอย่างเวียนนาหรือโคเปนเฮเกนครองอันดับต้นๆ ด้วยจุดร่วมคือ ‘คุณภาพชีวิตที่ครบถ้วน’ คำถามที่น่าสนใจคือ มหานครอย่างกรุงเทพฯ จะก้าวไปสู่จุดนั้นได้อย่างไร ท่ามกลางความท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม หรือโครงสร้างพื้นฐาน
ปัจจุบัน โครงการอสังหาริมทรัพย์ไม่ได้แข่งขันกันที่ความสวยงามหรือความใหญ่โตอีกต่อไป แต่คือการสร้าง “เมืองในเมือง” ที่สามารถตอบโจทย์คุณภาพชีวิตได้อย่างยั่งยืน One Bangkok (วัน แบงค็อก) โครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่และครบวงจรที่สุดใจกลางกรุงเทพฯ คือกรณีศึกษาที่น่าสนใจในการสร้างมาตรฐานใหม่ภายใต้แนวคิด “เมืองที่พร้อมอยู่เสมอ” ( A City Always Ready) ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงสโลแกน แต่คือการนำแนวคิดระดับโลกมาปรับใช้และสร้างเมืองที่ “พร้อม” สำหรับอนาคต
Green Smart City คือปรัชญาการออกแบบ
One Bangkok วางตัวเองเป็น Green Smart City ที่พัฒนาขึ้นบน 3 แนวคิดหลัก คือ People-Centricity (ยึดคนเป็นศูนย์กลาง), Sustainability (ความยั่งยืน) และ Smart City Living (วิถีชีวิตเมืองอัจฉริยะ)
สิ่งนี้สะท้อนว่าโครงการกำลังสร้าง “ระบบนิเวศ” ของการใช้ชีวิต โดยให้ความสำคัญตั้งแต่การวางผังพื้นที่ การเลือกใช้วัสดุ ไปจนถึงการบริหารจัดการด้วยเทคโนโลยี ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้เมืองน่าอยู่ระดับโลกเช่นนี้ประสบความสำเร็จ เป็นการบูรณาการทุกองค์ประกอบเข้าด้วยกันอย่างชาญฉลาด ไม่ใช่การแก้ปัญหาแบบแยกส่วน
ความปลอดภัยและโครงสร้างพื้นฐาน คือรากฐานที่สำคัญที่สุด
คุณภาพชีวิตที่ดีเริ่มต้นจากความมั่นคงปลอดภัย One Bangkok ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างจริงจังผ่านโครงสร้างพื้นฐานที่ถูกออกแบบมาเพื่อ “รับมือ” กับทุกสถานการณ์ ทั้งในชีวิตประจำวันและเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
- ศูนย์บัญชาการอัจฉริยะ (District Command Center – DCC) เปรียบเสมือนสมองของโครงการที่ทำงาน 24/7 โดยรวบรวมข้อมูลจากเซ็นเซอร์นับล้านจุดและ CCTV กว่า 5,000 ตัว เพื่อวิเคราะห์และตอบสนองต่อเหตุการณ์แบบเรียลไทม์ ผสานกับเทคโนโลยี AI ตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติ (Smart Surveillance) และระบบควบคุมการเข้า-ออกที่รัดกุม (Access Control) สร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและอุ่นใจ
- ความแข็งแกร่งเชิงโครงสร้าง อาคารทั้งหมดถูกออกแบบให้ทนทานต่อแผ่นดินไหว โดยมีการตอกเสาเข็มลึกลงไปถึง 80 เมตร ซึ่งลึกที่สุดในประเทศไทย บนฐานรากขนาดใหญ่กว่า 100,000 ตร.ม. สิ่งนี้ไม่ใช่แค่การก่อสร้าง แต่คือการลงทุนเพื่อความปลอดภัยในระยะยาว
- ระบบป้องกันน้ำท่วม มีบ่อกักเก็บน้ำฝนที่ตกลงบนโครงการ 5 จุด รวม 15,000 ลูกบาศก์เมตร และแผนรับมือน้ำท่วมฉุกเฉิน (Flood Response Plan) ที่ใช้ข้อมูลจากสถานีตรวจอากาศและระบบเฝ้าระวังระดับน้ำ ทำให้สามารถคาดการณ์และป้องกันความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
One Bangkok ไม่ได้มองแค่ความปลอดภัยภายในโครงการ แต่ยังแสดงความพร้อมในการเป็นที่พึ่งพิงของชุมชนโดยรอบ ดังเช่นการเปิดพื้นที่ให้ผู้คนเข้ามาพักพิงชั่วคราวในช่วงเหตุการณ์แผ่นดินไหว ซึ่งสะท้อนแนวคิดการเป็นส่วนหนึ่งของเมืองอย่างแท้จริง
สุขภาวะและความยั่งยืน คุณภาพชีวิตที่สัมผัสได้ในทุกวัน
นอกเหนือจากความปลอดภัยแล้ว สุขภาวะที่ดีคืออีกหนึ่งปัจจัยชี้วัดเมืองน่าอยู่ One Bangkok ลงรายละเอียดในเรื่องนี้ เพื่อให้คุณภาพชีวิตที่ดีเกิดขึ้นจริงในทุกวัน
- คุณภาพอากาศและสภาพแวดล้อมภายในอาคาร มีการใช้กระจกฉนวนกันความร้อน, ระบบกรองอากาศด้วยไส้กรอง MERV 8 และ MERV 14 ที่สามารถดักจับฝุ่น PM2.5, และ PM10 พร้อมใช้รังสี UV ฆ่าเชื้อโรค ซึ่งเป็นมาตรฐานที่จำเป็นอย่างยิ่งในปัจจุบัน
- สุขอนามัยและความปลอดภัย การนำระบบไร้สัมผัส (Touchless) มาใช้ในพื้นที่ส่วนกลาง, การติดตั้งเครื่องกรองน้ำดื่มที่ได้มาตรฐาน NSF, และการเลือกใช้วัสดุที่ปราศจากสารเคมีอันตราย คือสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในรายละเอียดที่ส่งผลต่อสุขภาพของผู้ใช้งานโดยตรง
- มาตรฐานระดับโลก การได้รับการรับรอง LEED for Neighbourhood Development (LEED ND) ระดับ Platinum เป็นโครงการแรกในไทย ไม่ได้การันตีแค่ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังสะท้อนถึงการออกแบบชุมชนที่เอื้อต่อการเดิน การเข้าถึงขนส่งสาธารณะ และการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับการมุ่งสู่มาตรฐาน WELL Platinum ที่เน้นสุขภาวะของผู้คนโดยตรง
นอกจากนี้ การรับรองมาตรฐาน WiredScore และ SmartScore ในระดับ Platinum ยังเป็นข้อยืนยันถึงความเป็นเลิศด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับวิถีชีวิตและการทำงานในโลกยุคใหม่ ส่งผลให้ทั้งโครงการได้รับการรับรองในระดับ Neighborhood เป็นโครงการแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมืองที่ไม่หยุดนิ่ง ศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ ศิลปะ และชุมชน
ฮาร์ดแวร์ที่ดีต้องมาพร้อมกับซอฟต์แวร์ที่ตอบโจทย์ One Bangkok สร้างประสบการณ์การใช้ชีวิตในเมืองที่เชื่อมโยงและมีชีวิตชีวาอย่างไร้รอยต่อ
- การเชื่อมต่อที่สะดวกสบาย โครงการเชื่อมต่อโดยตรงกับรถไฟฟ้า MRT สถานีลุมพินี และมีทางเข้า-ออกถึง 6 จุด รวมถึงทางเชื่อมด่วน นอกจากนั้นยังมี บริการ EV Shuttle Service รับ-ส่ง ฟรีระหว่างโครงการฯ และ BTS สถานีเพลินจิต ทำให้การเดินทางสะดวกสบายและส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ
- ศูนย์กลางการชอปปิงและไลฟ์สไตล์ เป็นศูนย์รวมประสบการณ์ครบวงจรบน ‘Retail Loop’ ที่เชื่อมโยงร้านค้ากว่า 900 ร้านค้าเข้าไว้ด้วยกัน
- ผสานธรรมชาติ ศิลปะ และวัฒนธรรม โครงการมีพื้นที่สีเขียวและพื้นที่เปิดโล่งกว่า 50 ไร่ ประกอบด้วย One Bangkok Park, One Bangkok Boulevard, Wireless Park และ Parade Park พร้อมทางเดินร่มรื่นกว่า 5 กิโลเมตร และ Art Loop เส้นทางศิลปะวัฒนธรรมยาวกว่า 2 กิโลเมตร เพื่อจุดประกายความคิดสร้างสรรค์
- การออกแบบเพื่อทุกคน (Universal Design) มีการออกแบบพื้นที่ที่เอื้อต่อรถเข็น ทางเท้าสำหรับผู้พิการทางสายตา รวมถึงป้ายสัญลักษณ์ที่ชัดเจน เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากพื้นที่ได้อย่างเท่าเทียม
- สร้างสรรค์ชุมชนที่มีชีวิตชีวา มีการจัดสรรพื้นที่สำหรับกิจกรรม เวิร์คช็อป นิทรรศการ และจัดอีเวนท์หลากหลายตลอดปี อีกทั้งเตรียมเปิด Community Hub เพื่อเป็นพื้นที่ให้คนทำงานได้พบปะสังสรรค์ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ
โดยสรุป One Bangkok คือ การสร้างต้นแบบของ “เมืองน่าอยู่” ใจกลางกรุงเทพฯ ผ่านการบูรณาการเทคโนโลยีอัจฉริยะ, โครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมรับมือทุกสถานการณ์, การออกแบบที่คำนึงถึงสุขภาวะและความยั่งยืนอย่างรอบด้าน และการสร้างประสบการณ์ที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าไว้ด้วยกัน
นี่คือสัญญาณที่บอกว่า อนาคตของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในไทย กำลังเปลี่ยนจากการสร้าง “แลนด์มาร์ก” ไปสู่การสร้าง “แพลตฟอร์มแห่งคุณภาพชีวิต” ที่พร้อมสำหรับทุกความท้าทาย และพร้อมสำหรับทุกคนอย่างแท้จริง
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา