One Allianz Ayudhya ผสานธุรกิจประกันชีวิต-ประกันภัย ตั้งเป้าบริษัทที่ลูกค้าเลือกใช้บริการมากที่สุดในไทย

ปี 2567 นับเป็นอีกปีที่เศรษฐกิจเผชิญกับความท้าทายในหลากหลายด้าน ทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ ส่งผลให้กำลังซื้อของประชาชนลดลง อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและประกันภัยยังคงเป็นสิ่งจำเป็นในยุคปัจจุบัน เนื่องจากผู้บริโภคต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่หลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น

Allianz Ayudhya

One Allianz Ayudhya รวมธุรกิจประกันชีวิต-ประกันภัย

โทมัส วิลสัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต (AZAY) บอกว่า ภาพรวมธุรกิจ อลิอันซ์ อยุธยา เดินหน้าธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ One Allianz Ayudhya ผู้ให้บริการด้านประกันภัยแบบครบวงจรที่ตอบโจทย์ลูกค้าในทุกมิติ ครอบคลุมทั้งประกันชีวิต สุขภาพ รถยนต์ ทรัพย์สิน ธุรกิจSME การเดินทาง และประกันภัยเชิงพาณิชย์ ลูกค้าจะได้รับความคุ้มครองที่หลากหลายและครอบคลุมมากขึ้นผ่านกลยุทธ์การขายต่อเนื่อง (upsell) และการขายผลิตภัณฑ์เสริม (cross-sell) พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทั้งลูกค้าและพันธมิตรมากขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน อาทิ เช่น ในธุรกิจประกันสุขภาพ โดยมีการพัฒนาระบบการดูแลลูกค้า ได้อย่างครบวงจร ตั้งแต่การป้องกัน, ก่อนเข้ารับการรักษา ช่วงระหว่างการรักษา จนถึงดูแลฟื้นฟูหลังการรักษาพยาบาล

ปัจจุบัน อลิอันซ์ อยุธยา มีเครือข่ายโรงพยาบาลมากกว่า 500 แห่งทั่วประเทศ และใช้ความแข็งแกร่งจากการเป็นผู้ให้บริการประกันสุขภาพอันดับ 2 ของประเทศ เพื่อขยายตลาดและตอกย้ำความเป็นผู้นำในฐานะบริษัทประกันภัยที่เข้าใจและพร้อมดูแลลูกค้าอย่างครบวงจรในประเทศไทย

ด้วยกลยุทธ์ One Allianz Ayudhya ตั้งเป้าหมายปี 2568 ก้าวขึ้นเป็นบริษัทประกันภัยที่ลูกค้าไว้วางใจและเลือกใช้บริการมากที่สุดในประเทศไทย โดยเป้าหมายสร้างเบี้ยประกันภัยรับรวมในธุรกิจประกันชีวิต เติบโต 10%  ที่ 4.3 หมื่นล้านบาท และธุรกิจประกันภัย เติบโต 12% เบี้ยประกันภัยรับรวมแตะ 1.2 หมื่นล้านบาท

ปี 2567 ตอกย้ำความแข็งแกร่ง เติบโตเหนือตลาด

ในปี 2567 บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต (AZAY) เติบโตเหนือตลาด สร้างเบี้ยประกันภัยรับรวม (GWP) เติบโต 8% แตะ 3.93 หมื่นล้านบาท ขณะที่เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) เพิ่มขึ้น 14% แตะ 8.4 พันล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นคงของธุรกิจประกันชีวิต แม้ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจชะลอตัว การเติบโตดังกล่าวได้รับแรงสนับสนุนจากช่องทางตัวแทนที่ขยายตัว 17% แตะ 3.8 พันล้านบาท และช่องทางธนาคารที่เติบโตถึง 27% แตะ 3.1 พันล้านบาท แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเครือข่ายการขายหลักของบริษัท ซึ่งสามารถเข้าถึงและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ลาร์ส ไฮบุทสกี้ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย (AAGI) กล่าวว่า บริษัท มีการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวม เพิ่มขึ้น 7% แตะ 1.09 หมื่นล้านบาท ขับเคลื่อนโดย ประกันอุบัติเหตุและสุขภาพ (A&H) ที่เติบโตสูงถึง 9% แตะ 3.9 พันล้านบาท ขณะที่ ประกันภัยรถยนต์เติบโต 4% แตะ 3.4 พันล้านบาท ประกันวินาศภัยอื่น ๆ เติบโต 7% แตะ 3.6 พันล้านบาท

ปรับกลยุทธ์สร้างการเติบโตในปี 2568

โทมัส วิลสัน บอกว่า สำหรับแนวทางการทำงานปี 2568 อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จะมุ่งพัฒนาเครือข่ายตัวแทนและการขยายความร่วมมือช่องทางธนาคาร เพิ่มจำนวนและคุณภาพของตัวแทนมืออาชีพ ผ่านโครงการพัฒนาศักยภาพแบบเข้มข้น ให้ความสำคัญกับการเสริมความแข็งแกร่งของตัวแทนระดับท็อป ผ่านโครงการ Elite โครงการ Blue Star และโครงการ Blue Star X ช่วยยกระดับศักยภาพของเครือข่ายตัวแทนให้สามารถแข่งขันและเติบโตได้อย่างยั่งยืน

ส่วนช่องทางธนาคาร โดยเฉพาะความร่วมมือกับธนาคารกรุงศรี จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ครบวงจร รองรับทั้งการออม การลงทุน และการคุ้มครองสุขภาพ พร้อมพัฒนา นวัตกรรมดิจิทัล ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถเลือกแผนประกัน จัดการกรมธรรม์ และเข้าถึงบริการด้านสุขภาพได้สะดวกยิ่งขึ้น

ลาร์ส ไฮบุทสกี้ บอกว่า ปี 2568 อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย จะขยายขีดความสามารถด้วยกลยุทธ์สำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ (1) การกระจายพอร์ตผลิตภัณฑ์ โดยมุ่งขยายโอกาสธุรกิจที่มากไปกว่าประกันรถยนต์ โดยจะเน้นไปที่ประกันสุขภาพ การคุ้มครองความเสี่ยงธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SME) และการคุ้มครองบ้านและทรัพย์สินอื่นๆ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มเติบโตสูง พร้อมเพิ่มโซลูชันที่ตอบโจทย์ธุรกิจรายย่อยและองค์กร

(2) การเสริมความแข็งแกร่งของช่องทางการจัดจำหน่าย โดยมุ่งเสริมศักยภาพของทั้งโบรกเกอร์และตัวแทนประกันรถยนต์เดิม ให้มีความสามารถแนะนำประกันภัยชนิดอื่นๆให้กับลูกค้าได้ด้วย เพื่อให้สามารถให้บริการลูกค้าได้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และ (3) ขยายธุรกิจประกันภัยเชิงพาณิชย์ Allianz Commercial ให้บริการประกันภัยที่ครอบคลุมสำหรับภาคธุรกิจขนาดใหญ่และกลุ่มองค์กร โดยเฉพาะในกลุ่ม ประกันภัยทรัพย์สิน วิศวกรรม การขนส่ง และความรับผิดทางกฎหมาย เราเชื่อว่าการเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์เหล่านี้ จะช่วยให้อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย สามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดประกันภัยไทยในอนาคต

Co-Payment แนวทางสู่ความยั่งยืนในอนาคต

อลิอันซ์ อยุธยา เดินหน้าให้ความรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ค่ารักษาพยาบาลในไทยที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกำลังเป็นความท้าทายสำคัญที่ส่งผลต่อความยั่งยืนของประกันสุขภาพของไทย นำไปสู่ความรู้ความเข้าใจในเงื่อนไขผลิตภัณฑ์แบบ Co-Payment ที่เพิ่มมากขึ้นในกลุ่มลูกค้าของอลิอันซ์ อยุธยา

จากการศึกษาพบว่า คาดการณ์ระหว่างปี 2023-2028 ประเทศไทยจะมีอัตราการเติบโตของ GDP เฉลี่ยอยู่ที่ 4% แต่พบว่า คาดการณ์ค่าใช้จ่ายจากการรักษาพยาบาล รวมทั้งจากสถานพยาบาลเอกชนและรัฐบาลมีการเติบโตอยู่ที่ 7.1% ถือว่าเป็นภาระค่าใช้จ่าย ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดปัญหาเรื่องความสามารถในการจ่าย ผู้คนอาจไม่สามารถซื้อสินค้าหรือบริการนั้นๆ ได้อีกต่อไป

“ดังนั้นแนวทาง Co-Payment หรือการร่วมจ่าย 70/30 จึงเป็นแนวทางที่ยั่งยืนทั้งกับบริษัทประกันและผู้บริโภคในระยะยาว”

สำหรับกลุ่มอลิอันซ์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ถือหุ้นหลัก ของ บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต และ บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย ได้รายงานผลประกอบการปี 2024 เติบโต โดยมีมูลค่าธุรกิจรวมเพิ่มขึ้น 11.2% แตะระดับ 1.8 แสนล้านยูโร เมื่อปรับมูลค่าจากอัตราแลกเปลี่ยนและการควบรวมกิจการ โดยกลุ่มธุรกิจ ประกันชีวิตและสุขภาพ เป็นตัวขับเคลื่อนหลักของการเติบโต ควบคู่ไปกับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของธุรกิจ ประกันวินาศภัย ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานแตะระดับ 1.6 หมื่นล้านยูโร (12 เดือนปี 2023: 1.47 หมื่นล้านยูโร) เพิ่มขึ้น 8.7% โดยได้รับแรงสนับสนุนจากทุกกลุ่มธุรกิจ ในขณะเดียวกัน อัตราส่วนเงินกองทุน Solvency II ยังคงอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 209% ณ สิ้นปี 2024

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา