Omise (โอมิเซะ) ผู้ให้บริการโซลูชันการชำระเงินประกาศกลับมาใช้ชื่อเดิม หลังจากเมื่อสองปีที่แล้วได้รีแบรนด์เป็น Opn (โอเพ่น) พร้อมสร้างความแตกต่างให้ผู้ใช้บริการ ล่าสุดวางแผนและพัฒนาโซลูชันการชำระเงินที่ขับเคลื่อนด้วย AI และพัฒนาระบบการชำระเงินออนไลน์เชื่อมทุกแพลตฟอร์มแบบไร้รอยต่อ

จุน ฮาเซกาวา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Omise เล่าย้อนไปเมื่อ 10 ปีที่แล้วที่ก่อตั้ง Omise ในประเทศไทย โดยคำว่า Omise เป็นภาษาญี่ปุ่น แปลว่า ร้านค้า จนกระทั่งขยายธุรกิจไปหลากหลายประเทศ ทั้ง ไทย ญี่ปุ่น มาเลเซีย สิงคโปร์ และสหรัฐอเมริกา ซึ่งไทยยังเป็นตลาดหลักของเรา ส่วนสหรัฐอเมริกาถือเป็นประเทศที่มี GPD สูงสุดใน 5 ประเทศที่ให้บริการ เลยทำให้มีปริมาณการทำรายการมากที่สุด
“การรีแบรนด์กลับมาใช้ชื่อเดิม ไม่ได้เป็นเพียงแค่การปรับภาพลักษณ์ แต่เป็นการสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราในการสร้างสรรค์นวัตกรรม และการมอบเทคโนโลยีทางการเงินที่ล้ำสมัยที่สุดเพื่อเสริมศักยภาพให้กับธุรกิจ”
อัตลักษณ์ของ Omise สะท้อนให้เห็นถึงความทันสมัยมากขึ้น การปรับโค้งของตัวอักษร M ที่สื่อให้ถึงคำว่า Merchant และส่วนตัวอักษร O แทนความหมายถึงเปรียบเหมือนเหรียญ (Coin)
วางกลยุทธ์ 3C พร้อมดัน AI ให้บริการ
จุน ย้ำว่าลูกค้าและผู้ใช้บริการต้องเข้าถึงความง่ายในการใช้งานบริการต่างๆ ของ Omise โดยวางกลยุทธ์ 3C คือ Connectivity ต้องทำระบบเชื่อมต่อให้ง่าย ครอบคลุมทุกแพลตฟอร์ม, Customizability การปรับแต่งการใช้งานให้เหมาะสมกับธุรกิจ และ Customer experience เน้นประสบการณ์การใช้งานให้ง่าย ทั้งผู้ใช้งานและผู้ให้บริการ
“ระบบ Payment gateway ต้องให้บริการครบทุกด้าน ครอบคลุมความต้องของลูกค้า ทั้งเรื่องระบบ Contact center ที่ต้องเตรียมทีมงานสื่อสารได้หลากหลายภาษา การทำระบบ Payment ที่รองรับความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการชำระเงินผ่านหน้าเว็บไซต์ ร้านค้าออนไลน์ การเติมเงินผ่าน Wristband ระบบการชำระเงินตั๋วคอนเสิร์ตให้เป็นไปอย่างราบรื่น หรือแม้กระทั่งการทำระบบชำระเงินข้ามแพลตฟอร์มระหว่างประเทศ ซึ่งถือเป็นความท้าทายอย่างมาก เรากล้าการันตีเรื่องความเสถียรของระบบ”

ส่วนการเสริมบริการด้วย AI นั้น สุทธิพร เมฆาอภิรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ Omise เผยว่าบริษัทพร้อมนำนวัตกรรม AI เข้ามาเสริมบริการการชำระเงินช่วงกลางปีนี้ โดยเริ่มให้ทดลองกับลูกค้าบางกลุ่มในไทย โดย Omise AI Assistant จะเข้ามาช่วยลูกค้าผ่านระบบแนะนำโค้ดอัจฉริยะ (Intelligent Code Suggestions) ลดเวลาการเชื่อมต่อระบบและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยมี Smart Routing ที่ยกระดับกระบวนการชำระเงินด้วยการตรวจสอบแบบเรียลไทม์เพื่อให้ธุรกรรมดำเนินไปอย่างไร้รอยต่อ ขณะเดียวกัน Generative Dashboard สามารถแปลงข้อมูลที่ซับซ้อนให้เป็นข้อมูลเชิงลึกที่ชัดเจนและนำไปใช้ได้จริง ทำให้การวิเคราะห์เป็นเรื่องง่ายและเข้าถึงได้มากขึ้น
ระบบ AI ของ Omise จะช่วยแนะนำให้ผู้ใช้งานเลือกใช้โซลูชั่นที่ง่ายและดีที่สุดโดยเฉพาะ API ระบบการชำระเงินระหว่าง Payment gateway และร้านค้าที่รับชำระเงินที่ setup เองง่าย
“ตอนนี้ลูกค้าหลักของเราสามอันดับแรกจะเป็น E-Commerce, ประกันภัย และ Telecommunication รายได้หลักยังเป็น transaction fee ส่วนที่เรารุกตลาดไปยังสหรัฐอเมริกา ในปี 2022 ถือเป็นความท้าทาย เพราะด้วยการแข่งขันที่สูงมาก ส่วนในประเทศแถบอาเซียนก็มีระบบการชำระเงินแตกต่างกัน เราเลยต้องพัฒนาระบบการชำระเงินออนไลน์เชื่อมทุกแพลตฟอร์ม ทุกประเทศเข้าด้วยกัน ทั้งบัตรเครดิต Mobile banking หรือ PromptPay เชื่อมให้เป็นระบบเดียวแบบไร้รอยต่อ ซึ่งคาดว่าจะให้บริการได้เร็วๆ นี้”
ปัจจุบัน Omise มีลูกค้ากว่า 23,000 ร้านค้าใน 5 ประเทศ มีเม็ดเงินผ่านระบบ payment กว่า 1.7 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐ และมีพนักงานกว่า 450 คน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา