สุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย
บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด
“ในระยะสั้นด้านราคาน้ำมันยังมีความเสี่ยงอยู่ ส่วนเครื่องมือการลงทุนในตอนนี้ถือว่ายังไม่เหมาะสม”
ในช่วงนี้ (22 เม.ย. 2563) ราคาน้ำมันดิบมีความผันผวนและราคาปรับลดลงไปมาก จนถึงขนาดทั้งราคาของ WTI และ Brent ลงไปต่ำสุดในรอบ 20 ปี นอกจากนี้ยังมีปรากฏการณ์ราคาสัญญาล่วงหน้าน้ำมัน WTI เดือนพ.ค. ราคาปรับลดลงติดลบไปถึง -37.63 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล (USD/BBL) หลายคนจึงมีคำถามว่าถ้าหากราคาน้ำมันปรับตัวลงมาต่ำขนาดนี้แล้วการลงทุนในกองทุนน้ำมันจะมีความน่าสนใจหรือไม่?
ตั้งแต่ต้นปี 2563 ราคาน้ำมันดิบก็ถูกกดดันด้วยปัจจัยทั้งด้านอุปสงค์และอุปทานจนราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลง -72% และราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลดลง -68% ซึ่งถือว่าเป็นการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันที่รวดเร็วและรุนแรงมากครั้งหนึ่ง ปัจจัยด้านฝั่งอุปสงค์ (demand) ปรับตัวลดลงจากผลกระทบของไวรัส COVID-19 เพราะกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มีน้อยลงจากมาตรการการปิดเมืองและปิดประเทศในหลายประเทศทั่วโลก จึงส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ ปรับตัวลดลง ในด้านอุปทานก็มาจากความขัดแย้งและไม่สามารถตกลงเรื่องการควบคุมการผลิตน้ำมันกันได้ระหว่างซาอุดิอาระเบียและรัสเซีย
ในช่วงที่ราคาน้ำมันปรับตัวลงมามากอย่างนี้ นักลงทุนหลายท่านจึงมองหาเครื่องมือการลงทุนว่าจะลงทุนในอะไรดี ซึ่งหนึ่งในเป้าหมายการลงทุนก็คือ การลงทุนในกองทุนรวมน้ำมัน กองทุนรวมน้ำมันในไทยทั้งหมดจะเป็น feeder fund คือจะลงทุนผ่าน กองทุนรวม ETF โดยหลักๆจะมี 2 กองทุนคือ
- United States Oil Fund (USO) เป็นกองทุนรวม ETF ที่มุ่งหวังให้ราคาเปลี่ยนแปลงไปตามการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมัน WTI โดยลงทุนในสัญญาล่วงหน้าน้ำมันในเดือนใกล้ (front-month) เช่น กองกองทุนรวม I-Oil, TUSOIL
- Invesco DB Oil Fund (DBO) เป็นกองทุนรวม ETF ที่มุ่งหวังให้ราคาเปลี่ยนแปลงไปตามการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมัน WTI โดยลงทุนในสัญญาล่วงหน้าน้ำมัน กองทุนสามารถเลือกลงทุนสัญญาล่วงหน้าเดือนใดก็ได้ใน 13 เดือนข้างหน้า เช่น กองทุนรวม SCBOIL, TMBOIL, KF-OIL
สิ่งที่ท่านผู้อ่านควรทราบคือ ราคาน้ำมันที่แสดงในปัจจุบันหรือราคาซื้อขายทันที (spot) นั้นไม่สามารถลงทุนได้ ทั้งสองกองทุนข้างต้นไม่ได้ซื้อน้ำมันและนำมาเก็บไว้ โดยสิ่งที่กองทุนทั้งสองลงทุนคือสัญญาล่วงหน้าน้ำมัน ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะสัญญาล่วงหน้านั้นมีวันหมดอายุ เมื่อสัญญาที่กองทุนซื้ออยู่ครบอายุ กองทุนจะต้องมีการเปลี่ยนสัญญาไปลงทุนสัญญาของเดือนถัดไป อย่างเช่นกองทุน USO จะลงทุนในสัญญาเดือนใกล้ดังนั้นจะต้องมีการเปลี่ยนสัญญาทุกเดือนเมื่อสัญญาตัวเก่าใกล้ครบกำหนดอายุ แต่ในภาวะตลาดที่เป็นรูปแบบ contango (สัญญาตัวไกลแพงกว่าสัญญาตัวใกล้) จะทำให้กองทุนมีต้นทุนการเปลี่ยนสัญญาที่สูงมาก เพราะกองทุนต้องขายสัญญาตัวเก่าแล้วไปซื้อสัญญาตัวใหม่ที่แพงกว่า
ดังนั้นกองทุน USO จะเหมาะสมกับการลงทุนในระยะสั้นมากกว่าการซื้อแล้วถือลงทุนระยะยาว แต่กองทุน DBO สามารถเลือกลงทุนในสัญญาล่วงหน้าเดือนไกลๆ ได้หากสัญญาในระยะสั้นต้องเผชิญกับต้นทุนการเปลี่ยนสัญญาที่สูงและสัญญาเดือนไกลมีความเหมาะสม เมื่อทราบอย่างนี้ก็เหมือนกับว่า DBO จะดูดีกว่าแต่ขอให้ท่านผู้อ่านลองนึกภาพตามว่า หากต้นทุนสัญญาเดือนไกลเช่น เดือนพ.ค. 2564 คือ 31.7 USD/BBL และแม้ว่าราคาน้ำมันในตอนนี้จะปรับตัวขึ้นจาก 14 ไปที่ 20 USD/BBL หรือปรับตัวขึ้นประมาณ 42% ท่านก็อาจจะได้ผลตอบแทนที่ไม่เหมือนกันก็ได้
นอกจากเรื่องภาวะตลาดแบบ contango แล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่นักลงทุนต้องทำความเข้าใจคือ ราคาของสัญญาล่วงหน้าและราคา spot อาจมีความแตกต่างกัน ผลตอบแทนของกองทุนน้ำมันไม่จำเป็นจะต้องเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันที่เราได้ยินใน TV หรืออ่านเจอตามสื่อต่างๆ นักลงทุนควรต้องไปดูว่ากองทุนนั้นๆ ถือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันใด? รุ่นไหน? แล้วสัญญารุ่นนั้นมีราคาเปลี่ยนแปลงอย่างไร จึงส่งผลต่อความเปลี่ยนแปลงของราคาหน่วยลงทุนเป็นสำคัญ
สำหรับราคาน้ำมันจะกลับตัวขึ้นไปได้ก็คงต้องรอปัจจัยที่กล่าวไปข้างต้นโดยมีพัฒนาการที่ดีขึ้นก่อน เช่น การเริ่มกลับมาเปิดเมืองและประเทศ กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมา และมีการเจรจาเรื่องกำลังการผลิตน้ำมัน
อย่างไรก็ดีในระยะสั้นด้านราคาน้ำมันยังมีความเสี่ยงอยู่ถึงแม้จะราคาต่ำแล้ว แต่ยังถือว่ามีความผันผวนอยู่มาก และส่วนเครื่องมือการลงทุนในตอนนี้ก็ยังถือว่าอยู่ในภาวะที่ยังไม่เหมาะสม เพราะภาวะ contango ที่สูงจนส่งผลให้ต้นทุนการเปลี่ยนสัญญาสูงมาก
นักลงทุนควรศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ให้เข้าใจเป็นอย่างดี เพราะถ้าหากเร่งลงทุนโดยยังไม่เข้าใจ อาจจะเกิดความเสียหายทางการลงทุนได้ ในทางตรงกันข้ามหากเรามีความรู้ความเข้าใจกับสิ่งที่จะลงทุนแล้วและเมื่อโอกาสในภาวะที่ความเสี่ยง ความผันผวน รวมถึงภาวะ contango น้อยลง และกลับเข้าไปลงทุนโอกาสในการประสบความสำเร็จก็จะมีมากขึ้นเช่นกัน
* การลงทุนในหน่วยลงทุนกองทุนรวมน้ำมันมีความเสี่ยงที่สูงโดยระดับความเสี่ยงตามเกณฑ์ ก.ล.ต. คือ 8 จาก 8 ระดับ ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ให้เข้าใจก่อนลงทุน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา