เมื่อออฟฟิศไม่ใช่คำตอบของโลกการทำงาน ผลวิจัยบอกทำที่บ้านได้ผลดีกว่า

ในแวดวงการทำงานในโลกยุคปัจจุบัน นอกจากต้องปรับตัวไปสู่รูปแบบดิจิทัลแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือประเด็นเรื่อง “ออฟฟิศ” หรือ “สถานที่ทำงาน” เพราะมีงานวิจัยมากมายที่บอกว่า การไม่ต้องเข้าออฟฟิศมาทำงานนั้นให้ผลลัพธ์และประสิทธิภาพที่ดีกว่า

Photo: Pixabay

แนวโน้มออฟฟิศเล็กลง เวลาทำงานเปลี่ยน บริษัทต้องเรียนรู้

ผลการวิจัยจาก Fuze บริษัทด้านการสื่อสารองค์กรการทำงาน ระบุว่า 83% ของพนักงานบอกตรงกันว่า “การทำงานออฟฟิศไม่ได้ทำให้งานดีขึ้น” ส่วนอีก 38% บอกว่า “จะรู้สึกดีกว่าหากได้ทำงานจากที่บ้าน”

รวมถึงในอนาคตอันใกล้ เรายังจะได้เห็น “การหดตัวลงของออฟฟิศ” โดยต่อไปบริษัทหลายแห่งจะสร้างพื้นที่การทำงานร่วมกันในรูปแบบ Co-Office/workingSpace ที่ในออฟฟิศเดียวจะมีทีมงานจากหลากหลายบริษัทมาทำงานอยู่ร่วมกัน

Photo: flickr

ในรายงานยังคาดไปถึงว่าในอนาคตโต๊ะทำงานแบบเดิมจะหายไป เพราะเทรนด์การทำงานยุคใหม่ที่เปลี่ยนสถานที่ไปทำงานในร้านกาแฟแล้ว ส่วนโต๊ะทำงานในอนาคตจะมีลักษณะเป็นรูปแบบโต๊ะยืนทำงาน (standing desk) อีกด้วย

อีกเรื่องคือ “เวลาในการทำงาน” ทั้งในยุคนี้และในอนาคตอันใกล้ ชั่วโมงการทำงานแบบ 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็นจะยิ่งไม่ได้ผลขึ้นเรื่อยๆ เพราะอย่างที่บอก ธุรกิจต่างๆ ต้องปรับตัวไปทำในรูปแบบออนไลน์/ดิจิทัลมากขึ้น เพราะฉะนั้น ตารางเวลาการทำงานจะเปลี่ยนจาก 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น เป็น “24 ชั่วโมง” และที่สำคัญคนรุ่นใหม่มักทำงานในสถานที่และเวลาที่ยืดหยุ่น

ศึกษาพนักงาน 40,000 คน กว่า 300 บริษัท “ออฟฟิศไม่ใช่คำตอบ”

วารสารที่ตีพิมพ์ใน Journal of Environment Psychology ไปศึกษาพนักงานกว่า 40,000 คน ใน 300 บริษัท ถือเป็นวิจัยด้านการทำงานที่มีฐานข้อมูลกว้างขวาง พบว่า “การทำงานในออฟฟิศทำให้พนักงานสูญเสียความเป็นส่วนตัว และหากบริษัทจะหันมาพิจารณาถึงต้นทุนกันอย่างละเอียดกันจริงๆ จะพบว่า การมีออฟฟิศไม่ใช่เรื่องที่คุ้มค่าเลย”

ส่วนบทความใน Wall Street Journal บอกว่า “สภาพแวดล้อมการทำงานในออฟฟิศหลักหนีไม่พ้นการรบกวนจากสิ่งรอบข้าง เช่น ทำงานอยู่หน้าจอก็มีโอกาสสูงที่จะถูกเพื่อนร่วมงานดึงความสนใจออกไป นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมในบริษัทต่างๆ อีกมากมาย สิ่งเหล่านี้จะไม่ได้ทำลายเพียงสมาธิในการทำงาน แต่พนักงานจะสูญเสียความคิดสร้างสรรค์ และความคิดเชิงวิเคราะห์ไปในที่สุด

Photo: flickr

สรุป

การทำงานในโลกยุคที่แทบทุกธุรกิจต้องเคลื่อนไปสู่รูปแบบดิจิทัล หมายความว่า ตารางเวลาการทำงานแบบ 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็นจะถูกลดความสำคัญลงไปอย่างแน่นอน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และแน่นอน ย่อมแทนที่ด้วยการทำงานแบบยืดหยุ่นได้ เพราะฉะนั้น ออฟฟิศในแนวความคิดดั้งเดิมของผู้บริหารในบริษัทที่มองว่า “พนักงานต้องมาออฟฟิศตรงเวลาและทำงานหนักเท่าที่ตารางเวลาได้กำหนดไว้” อาจจะต้องปรับเปลี่ยนแนวคิด เพราะไม่ใช่แค่ผลจากวิจัยที่บอกว่า การทำงานที่ออฟฟิศไม่ได้ช่วยให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น

ทีนี้ ถ้ามาลองคิดคำนวณความคุ้มทุนของบริษัท ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าบริการอื่นๆ อีกมากมาย มันคุ้มค่าหรือไม่? แล้วทำไมถึงไม่ให้พนักงานทำงานจากที่บ้านในโลกที่ธุรกิจต้องเดินหน้าไปสู่ยุคดิจิทัลเต็มตัว มิใช่หรือ?

ที่มา – INCFidelitySciencedirect

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา