โลกยังหมุนอยู่ทุกวัน แต่ด้วยเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่เข้ามา ผู้บริโภคก็ดำรงชีวิตอยู่บน 2 โลกพร้อมๆ กัน นั่นคือโลก Online และ Offline ดังนั้นการจะทำตลาดอย่างมีประสิทธิภาพจริงๆ ต้องทำไปพร้อมๆ กัน หรือการคิดแบบ O2O

เดินฝั่งเดียวไม่ได้ ต้องไปพร้อมๆ กัน
การคิดแบบ O2O หรือ Online to Offline รวมถึง Offline to Online เป็นวิธีคิดที่นักการตลาดต้องนำไปประยุกต์ใช้ในปีนี้ เพราะผู้บริโภคไม่ได้อยู่แค่โลก Online หรือ Offline ผ่านเหตุผลเรื่องการดำรงชีวิตประจำวันทั้งสองฝั่งเกือบจะเท่ากัน ดังนั้นการจะทำตลาดแค่ฝั่งใดฝั่งหนึ่งก็คงเข้าถึงผู้บริโภคไม่ได้ทั้งหมด ซึ่งการเดินการตลาดในรูปแบบนี้ จำเป็นต้องอาศัยแพลตฟอร์มกลาง และ Big Data หรือฐานข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อวิเคราะห์ และเชื่อมต่อพฤติกรรมที่ผู้บริโภคอยู่ทั้งสองโลกเข้าด้วยกัน ก่อนจะเข้าไปตอบโจทย์พวกเขาได้ตรงจุดที่สุด
อริยะ พนมยงค์ ผู้จัดการประจำประเทศไทยของ LINE เล่าให้ฟังว่า ตอนนี้เทรนด์ O2O เป็นเรื่องที่นักการตลาดต้องศึกษา และอ่านเกมหลังจากนี้ให้ออก เพราะยิ่งเชื่อมต่อกันได้มากเท่าไหร่ การเข้าถึงเป้าหมายที่ต้องการทำตลาดก็มากขึ้นเท่านั้น แต่การทำเช่นนั้นได้ต้องอาศัยเทคโนโลยี และนวัตกรรม เช่น Location Service หรือการบอกตำแหน่งของผู้บริโภคด้วย Smartphone ของพวกเขา หรือ Beacon ที่เป็นอุปกรณ์ขนาดเล็ก สามารถส่งสัญญาณรัศมี 10-80 ม. เพื่อแจ้งโปรโมชั่นไปยังผู้บริโภคที่อยู่บริเวณนั้นได้
ร่วมมือสร้างแพลตฟอร์มต่อยอดธุรกิจ
สำหรับ LINE ปัจจุบันได้วางแผนตัวเองเป็นแพลตฟอร์มกลาง ผ่านการรวม Content และบริการต่างๆ ไว้ภายใน Application เดียว ซึ่งหนึ่งในนั้นคือแพลตฟอร์ม O2O เช่น LINE Man ที่บริษัทร่วมมือกับ Lalamove กับ Alpha Fast เพื่อขยายระบบขนส่ง และ Wongnai เพื่อรวบวมร้านอาหารไว้กว่า 20,000 ร้าน จนกลายเป้นบริการส่งอาหารอันดับ 1 ของประเทศไทย และช่วยเชื่อมต่อร้านอาหารรายย่อยขึ้นทำตลาดออนไลน์ได้อย่างรวดเร็ว จนปัจจุบันมีผู้ใช้บริการ LINE Man แล้วกว่า 4 แสนราย ดังนั้นเมื่อเทคโนโลยีมันหนีไม่ได้ การทำให้มันง่ายต่อผู้บริโภคก็สำคัญ
นาธาน อุปลวัณณา Head of Sales for Topspace บริษัท เทนเซนต์ (ประเทศไทย) จำกัด เสริมว่า O2O เป็นอีกแนวคิดในการเดินหน้าทำตลาดหลังจากนี้ เนื่องจากบริษัทต้องการเป็นแพลตฟอร์มกลางที่เชื่อมต่อเรื่องต่างๆ เช่นล่าสุดในอุตสาหกรรมเพลง ทางกลุ่มเทนเซนต์มีบริการ JOOX ที่ช่วยเหลือให้ศิลปินไทยสามารถมีที่ยืนในตลาดได้ ผ่านการลดอัตราการรับฟังแบบละเมิดลิขสิทธิ์ และให้ฟังฟังบน Application แบบ On Demand แทน ซึ่งหลังจากนี้จะนำเพลงที่ให้รับฟังบนโลก Online มาอยู่ในโลก Offline ผ่านการจัดคอนเสิร์ตต่างๆ เพื่อเชื่อมต่อทั้ง 2 โลกให้เข้าใกล้กันมากที่สุด
ผู้บริโภคไม่ง่าย เพราะถูกตามใจมาเยอะ
อย่างไรก็ตามแม้จะทำตลาดแบบ O2O แล้ว แต่การศึกษาผู้บริโภคให้ถ่องแท้ก็เป็นเรื่องจำเป็นอยู่ เพราะปัจจุบันผู้บริโภคถูกตามใจจากแบรนด์ และเอเยนซี่มากเกินไป ทำให้จะทำตลาดให้ตรงใจกับผู้บริโภคก็ต้องทำอะไรมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสื่อให้หลากหลาย พร้อมกับการเดินเกมการสื่อสารไปพร้อมๆ กันระหว่าง Online และ Offline ขณะเดียวกันการใช้โฆษณาที่ไม่เหมือนโฆษณา หรือ Native Advertising ก็เป็นอีกวิธีที่เข้าถึงผู้บริโภคได้เช่นกัน เพราะสร้างประสบการณ์ได้มากกว่าโฆษณาปกติ และดึงดูดผ่านเนื้อหาที่แตกต่าง
สรุป
Online และ Offline ต้องเดินเกมไปพร้อมๆ กัน ดังนั้นนักการตลาดต้องอ่านเกมให้ขาดว่าช่วงเวลาไหนต้องใช้ Online และช่วยเวลาไหนต้อง Offline ที่สำคัญการใช้เครื่องมือใหม่ๆ เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลของผู้บริโภค พร้อมใช้งานแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อทำให้ตรงเป้าหมายมากที่สุด ก็น่าจะช่วยแบรนด์ และเอเยนซี่เข้าถึงเป้าหมายได้เช่นกัน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา